รอง หน.ปชป. จี้รัฐเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เหตุเลือกตั้งแล้ว ชุมนุมไม่ก่อเหตุฉุกเฉิน ชี้กระทบความเชื่อมั่น ตปท. ย้อนเลือกตั้งมีปัญหาไม่ใช่ข้อยุติ คาดฝืนไปยื้ออำนาจ นำผลมาอ้าง ปชช.หนุนรัฐ สร้างความชอบธรรม ตปท. จ่อยื่อศาล รธน.เลือกตั้งโมฆะ แจงพรรคไม่ลงเลือกตั้งแต่เดินหน้าการเมืองต่อ
วันนี้ (2 ก.พ.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังปิดหีบเลือกตั้ง ว่า อยากเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะการเลือกตั้งดำเนินการไปแล้วในเบื้องต้น และเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าการชุมนุมของประชาชนไม่เป็นการชุมนุมที่ก่อให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินที่ร้ายแรง เพราะมาตรา 11 ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินบัญญัติไว้ชัดว่าต้องมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำรุนแรงหรือมีการก่อการร้ายที่กระทบกับความมั่นคงของรัฐ ซึ่งไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว และการกระทบกระทั่งกันก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวบุคคล อีกทั้งการประกาศ พ.ร.ก.ดังกล่าวกระทบต่อความเชื่อมั่นในสายตาต่างชาติ กระทบต่อการท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นที่ประจักษ์ว่าทำได้ตามปกติในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลางบางส่วน แต่ในส่วน กทม.และภาคใต้ยังไม่สามารถดำเนินการได้บางส่วน ทำให้บางหน่วยไม่สามารถนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งได้ และไม่ทราบว่าจะทำให้ผลการนับคะแนนเบี่ยงเบนไปหรือไม่ รวมทั้งจะทำให้การประกาศผลการเลือกตั้งยังไม่สามารถดำเนินการได้ และยังไม่สามารถนับคะแนนบัญชีรายชื่อได้ จึงยังมองไม่เห็นอนาคตที่จะนำไปสู่ข้อยุติของการเมืองไทยได้อย่างไร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ กกต.ได้เคยเตือนและเสนอความเห็นไปยังรัฐบาลแล้ว แต่รัฐบาลยังยืนยันที่จะให้มีการเลือกตั้งในวันนี้
“จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า เหตุที่รัฐบาลเดินหน้าเลือกตั้ง มี 3 ข้อหลัก คือ รัฐบาลต้องการรักษาอำนาจไว้กับตัวเองให้นานที่สุด เพราะเชื่อมั่นว่ายังไงก็จะชนะการเลือกตั้ง รัฐบาลจะนำผลการเลือกตั้งไปอ้างว่าประชาชนส่วนมากยังสนับสนุนรัฐบาลนี้ต่อไป และจะใช้ผลการเลือกตั้งไปสู่การรับรู้ของชาวโลก สร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาล อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งที่อาจจะนำไปสู่การยื่นคัดค้านว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะต่อไป โดยจะยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญโดยผ่านช่องทางต่างๆ” นายองอาจกล่าว
นายองอาจกล่าวด้วยว่า แม้พรรคไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่อ โดยเดินหน้าทำนโยบายพรรคให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน เดินหน้าเรื่องการปฏิรูปประเทศ เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปในอนาคต พยายามผลักดันผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อให้การปฏิรูปสำเร็จ