รองโฆษก ทบ.เผย ผบ.ทบ.ถกประเมินเลือกตั้ง ประสาน ตร.ดูแล ปชช. ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยง แจง ผู้ก่อเหตุจ้องป่วน แต่จุดสกัดปรามได้ เน้นกำลังพล รปภ.รัดกุม ชี้ กกต.ขอทหารช่วยเป็นนโยบาย กห.คาด กกต.-ศรส.ประเมินจุดเสี่ยงอยู่ ทหารดูชั้นนอก ตร.ชั้นใน ตั้งชุดคลี่คลายปัญหาเฉพาะหน้า รับการข่าว 2 ก.พ.2 ฝ่ายไม่รุนแรง อ้างทหารต้องฟัง ศรส.รับจลาจลทหารต้องออก เหตุเป็นภัยสูงสุด ย้ำไม่มีกองกำลังต่างชาติเข้าป่วน กทม.
วันนี้ (31 ม.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงถึงการรักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.นี้ว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มีการประชุม เพื่อประเมินและติดตามสถานการณ์การเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.นี้ ซึ่งในเรื่องการรักษาความปลอดภัย ทางทหารได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทำตรวจ โดยได้มีการกระจายกำลัง ดูแลประชาชน และปรับการวางกำลังให้ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการก่อเหตุในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ผู้ก่อเหตุยังมีความพยายามจะสร้างสถานการณ์อยู่ แต่เนื่องจากเรามีการปรับกำลัง การตั้งจุดตรวจร่วม จุดสกัดทำให้ป้องปรามได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ ผบ.ทบ.มีความเป็นห่วงสถานการณ์การเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.นี้ และเน้นย้ำให้กำลังพลที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่ปรับปรุงแผนรักษาความปลอดภัยให้รัดกุม เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าทางเจ้าหน้าที่สามารถดูแลความปลอดภัยได้
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ส่วนกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีการขอกำลังทหารมาดูแลความปลอดภัยนั้น เรื่องดังกล่าวเป็นนโยบายของกระทรวงกลาโหมที่จะให้เหล่าทัพสนับสนุนกำลังทหารตามที่ กกต.ร้องขอ ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่ ว่าจะประสานกันอย่างไร ส่วนการรักษาความปลอดภัยในภาพรวม ได้ให้ชุดปฏิบัติการทางทหารที่วางกำลังในจุดต่างๆ ขยับไปอยู่ใกล้หน่วยเลือกตั้งในพื้นที่ แต่เนื่องจากหน่วยเลือกตั้งมีจำนวนมาก จึงต้องรอดูในวันที่ 1 ก.พ.นี้ว่า จะกำหนดความเร่งด่วนของพื้นที่อย่างไร และพื้นที่ใดเป็นจุดเสี่ยงบ้าง ส่วนจะมีการเพิ่มกำลังหรือไม่ ทางทหารกับตำรวจจะพิจารณาร่วมกัน
“ทางทหารพร้อมให้การสนับสนุนการจัดการเลือกตั้งในภาพรวม คาดว่า ขณะนี้ทาง กกต.และ ศรส.กำลังประเมินว่าพื้นที่ไหนเป็นจุดเสี่ยง ในส่วนของทหารได้เตรียมกำลังสนับสนุน แต่ทหารจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในหน่วยเลือกตั้ง จะอยู่พื้นที่รอบนอก ส่วนพื้นที่ชั้นในเป็นหน้าที่ของตำรวจ และฝ่ายปกครอง ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่า จะเกิดความรุนแรงนั้น ทางทหารได้มีการเตรียมพร้อมตลอดเวลาเพราะเรายังมีการตั้งชุดกองหนุนเพื่อเข้าคลี่คลายในเหตุการณ์เฉพาะหน้า ซึ่งทาง พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบนโยบายว่า ให้ทหารทำหน้าที่โดยรักษาสภาพแวดล้อมให้ประชาชน และเจ้าหน้าที่ทุกส่วนมีความปลอดภัย และอยากให้สถานการณ์ คลี่คลาย ด้วยความสงบ สันติ ไม่รุนแรง ซึ่งจะเห็นได้ว่า 2-3 วันที่ผ่านมา จากการที่เราได้ปรับแผนในจุดต่างๆ ถือว่า เราป้องปรามได้อย่างมีประสิทธิภาพพอสมควร ส่วนวันที่ 2 ก.พ.นี้ จากรายงานด้านการข่าว ระบุบว่า ทั้ง 2 ฝ่าย จะไม่มีการใช้ความรุนแรง” รองโฆษก ทบ.กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ กลุ่ม กปปส.ได้ขอกำลังทหารมาดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม พ.อ.วินธัย กล่าวว่า การใช้กำลังทหารต้องอยู่ในกรอบของ ศรส.จุดไหนที่มีเหตุรุนแรง ทางตำรวจ และทหาร จะจัดสายตรวจร่วมเฝ้าตรวจตราอยู่ตลอด ซึ่งเป็นการใช้กำลังที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ส่วนกรณีที่ ผบ.ทบ.ระบุว่า หากเกิดเหตุจลาจล ทหารจะออกมาควบคุมสถานการณ์นั้น ท่านพูดตามกรอบกฎหมายและรัฐธรรมนูญ โดยพยายามสื่อให้เห็นว่า การปฏิบัติทุกอย่างมีกรอบและมีระดับอยู่ ถ้าบางกรณีเป็นภัยคุกคามชั้นสูงสุดของงานความมั่นคงก็เป็นไปตามหลักสากล ส่วนการประกาศกฎอัยการศึกนั้น ตามรัฐธรรมนูญ ได้มีการกำหนดให้ใช้ในสภาวะที่เกิดการรบ สงคราม และจลาจล เพราะถือเป็นภัยคุกคามสูงสุดของประเทศ อย่างไรก็ตาม ผบ.ทบ.ได้สั่งให้หน่วยงานด้านการข่าวติดตามสถานการณ์อยู่ตลอด เพราะในขณะนี้อยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติ เพื่อจะมีความพร้อม ในการรองรับสถานการณ์ สำหรับที่มีกระแสข่าวว่า จะมีกอกำลังต่างชาติเข้ามาก่อเหตุใน กทม.นั้น จากการตรวจสอบข้อมูลด้านการข่าวจากกองกำลังบริเวณแนวชายแดนไม่พบว่า จะมีกองกำลังติดอาวุธเคลื่อนเข้ามาแต่อย่างใด