ผ่าประเด็นร้อน
หลังจากใช้วิชามารมาสารพัดทั้งใส่ร้าย “โยนขี้” ใส่ฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นต้นเหตุขัดขวางจนไม่สามารถ “จ่ายหนี้” ให้ชาวนาที่ค้างจ่ายจาก “โครงการจำนำข้าว” มานานกว่า 4-5 เดือนแล้ว จนเวลานี้ชาวนาที่กำลังเดือดร้อนจากภาระหนี้สิน ไม่มีเงินใช้จ่ายประจำวันจนต้องออกมาประท้วงกันทั่วประเทศอยู่ในเวลานี้
ก่อนหน้านี้คนในรัฐบาลหลายคนทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง พยายามอ้างว่าเป็นเพราะการชุมนุมของมวลมหาประชาชน กปปส.นำโดย กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปปิดกระทวงการคลัง ทำให้มีปัญหาจ่ายเงินไม่ได้ จนมีเสียงสวนกลับมาทันควันว่าทำไมเงินเดือน รัฐมนตรีคลัง กับเงินเดือน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมไปถึงเงินเดือนรัฐมนตรีทุกคน ข้าราชการทุกคนทั่วประเทศถึงได้จ่ายครบละ ก็เงียบไปพักใหญ่ ต่อมาก็พยายามลากเอาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้ามารับกรรมในเรื่องนี้โดยพยายามทำให้เห็นว่าเงินกู้อีก 1.3 แสนล้านบาทที่จะเอามาใช้หนี้ชาวนานั้นยังติดขัดที่ กกต.ยังยึกยัก ไม่อนุมัติให้เนื่องจากเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการ แต่ กกต.ก็โยนเผืกร้อนกลับไปว่า กกต.ไม่มีอำนาจในการอนุมัติ เป็นเรื่องของรัฐบาลที่สามารถทำได้ แต่ต้องรับความเสี่ยงและผลที่เกิดขึ้นในภายหน้า
ทีนี้ก็วิ่งกันตีนขวิด ปรึกษากับคณะกรรมการกฤษฎีกาก็มุบมิบกันไฟเขียวว่าทำได้อ้างว่าเป็นภาระหนี้ผูกพัน แต่ปัญหาก็คือจะทำอย่างไร จนกระทั่งมีวิธีการ “ศรีธนญชัย” สั่งการให้สำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เป็นหน่วยงานดำเนินการ โดยหนึ่งในวิธีการคือ การโยกวงเงินจากโครงการของกระทรวงคมนาคมบางส่วนจากเดิมที่จะใช้ตามโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทมาใช้กู้ในโครงการจำนำข้าว ซึ่งต่อมาอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ก็ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกไปถึงข้าราชการกระทรวงการคลังให้ระวังเรื่องการทำผิดกฎหมายดังกล่าวให้ดี เพราะเป็นการ “ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์” นำเงินอนาคตมาใช้โดยวิธีการไม่ถูกต้อง
ขณะเดียวกันยังมีปัญหาใหญ่ยิ่งกว่านั้น ที่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังประสบอยู่ก็คือ ถูกขัดขวางจากพนักงานของธนาคารของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย เป็นต้น โดยเมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมาสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารออมสินได่เรียกประชุมฉุกเฉินพนักงานทั่วประเทศ และเชิญประธานสภาพแรงงานธนาคารของรัฐทั้งหมดมาประชุมด่วนเพื่อคัดค้านการนำเอาเงินสำรองเงินฝากของธนาคารไปปล่อยกู้ให้รัฐบาลในโครงการจำนำข้าว เพราะพวกเขาเห็นว่าทำให้ธนาคารมีความเสี่ยง อันเกิดจากการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์
สอดคล้องกับท่าทีของกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย วรภัค ธันยาวงษ์ ที่ออกมาปฏิเสธข่าวที่มีการเผยแพร่ทางโลกออนไลน์ว่าธนาคารกรุงไทยได้แอบปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลเพื่อนำไปจ่ายหนี้ในโครงการจำนำข้าวจำนวน 1.6 แสนล้านบาท โดยเขายืนยันว่า “ไม่เป็นความจริง” พร้อมยอมรับว่ามีประชาชนสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก นั่นก็ย่อมแสดงให้เห็นว่าธนาคารกลัวลูกค้า “แห่ไปถอนเงิน”เพราะไม่มั่นใจในความมั่นคงของธนาคาร
จากความเคลื่อนไหวดังกล่าวย่อมแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลกำลังประสบกับปัญหาใหญ่ตรงหน้า ก็คือ แม้ว่าจะใช้วิชามารหาช่องในการกู้เงินมาโปะได้ แต่คำถามก็คือเวลานี้ยังไม่มีสถาบันการเงินใดกล้าปล่อยกู้ เพราะสุ่มเสี่ยงต่อ “สถานะ” ของธนาคาร อันเนื่องมาจากประชาชนไม่มั่นใจอาจแห่ไปถอนเงิน รวมไปถึงการคัดค้านจากบรรดาพนักงานที่ขัดขวางกันเต็มเหนี่ยว มีการผนึกกำลังกันในส่วนของธนาคารของรัฐ โดยเฉพาะธนาคารออมสิน มีการ “แต่งดำ”ประท้วงกันอย่างเต็มที่
ดังนั้น เมื่อมีแนวโน้มมีปัญหาแบบนี้ประดังเข้ามา รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะทำอย่างไร เพราะชาวนาเขารอไม่ได้ ที่ผ่านมาอาจจะใช้เครือข่ายคนกันเองทั้งพวกแกนนำเสื้อแดงในพื้นที่ ฝ่ายปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดนายอำเภอทั้งปลอบ ทั้งขู่ ทั้งรับปากขอเวลาไปจนถึงสิ้นเดือนนี้ หรืออย่างช้าจริงๆ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ แต่ถ้าพ้นไปจากนี้แล้วมัน “ทนไม่ไหว” ต้อง “ระเบิด” ออกมาแล้ว ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของบรรดาสถาบันการเงินก็มีแนวโน้มไปในทางเดียวกันว่า “ไม่ปล่อยกู้” เพราะ “เสี่ยงสูง”
ทุกอย่างกำลังแข่งกับเวลา ถ้าล่าช้าออกไปเกินเดือนนี้ ต่อให้คนกันเอง เคยอุ้มชูกันแค่ไหน แต่เรื่องปากท้อง เรื่องกินเรื่องอยู่ ปัญหาในครอบครัว หนี้สินรุมเร้า มันก็ต้องแตกหัก เพราะเงินที่ทวงก็คือเงินของตัวเองแท้ๆ ถ้าไม่ได้เงินทำไมไม่คืนข้าวกลับมา งานนี้ถ้าหาทางกู้ไม่ทันการณ์รับรอง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูก “ฉีกอก” แน่!!