“อรรถวิชช์” โวยรัฐบาลลักไก่โมเมความเห็นเลขาฯ กฤษฎีกา ไฟเขียวกู้เงิน 1.3 แสนล้านจ่ายชาวนา ท้าเปิดความเห็นกฤษฎีกาพิสูจน์ พร้อมเตือน ผอ.บริหารหนี้สาธารณะ “ที่มีวันนี้เพราะน้องให้” ปล่อยรัฐบาลกู้เงินจริงเจอดำเนินคดีแน่ เหตุขัด รธน.มาตรา 181 แฉรัฐบาลไม่กล้านำข้าวในโกดังมาขายใช้หนี้ เพราะกลัวถูกตรวจคุณภาพมีแต่ข้าวเน่า จวกตกเขียวชาวนา ติงยัดไส้เงินกู้ 2 ล้านล้าน “กิตติรัตน์” ถูกดำเนินคดีแน่
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี โฆษก ครม.เงาพรรคประชาธิปัตย์ เสนอแนวทางในการแก้ปัญหาที่รัฐบาลค้างจ่ายชาวนาในโครงการจำนำข้าวว่า รัฐบาลควรเปิดประมูลขายข้าวในโกดังเป็นการทั่วไป จะทำให้ได้เงินเร็วไปจ่ายชาวนา เพราะที่ผ่านมาใช้เม็ดเงินหมุนเวียน 5 แสนล้านแต่เต็มวงเงินไปแล้ว และมีข้าวค้างในโกดังหลายล้านตัน แต่รัฐบาลหลีกเลี่ยงที่จะระบายข้าวในโกดังเพราะต้องมีการประกาศคุณภาพ กลับเลือกที่จะไปกู้เงินแทน และยังอ้างว่าคณะกรรมการกฤษฎีกา มีความเห็นว่ารัฐบาลรักษาการกู้เงิน 1.3 แสนล้านบาทได้นั้น ความจริงเป็นเพียงแค่ความเห็นของนายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเท่านั้น ถือเป็นการลักไล่ของรัฐบาลและท้าให้รัฐบาลนำความเห็นกฤษฎีกาดังกล่าวมาเปิดเผย
ทั้งนี้ ขอเตือนข้าราชการกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะนางจุฬารัตน์ สุธีทร ผอ.บริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งเรียนวิทยาลัยตลาดทุนรุ่นที่ 12 รุ่นเดียวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จากนั้นก็ได้ดำรงตำแหน่ง ผอ.บริหารหนี้สาธารณะ
นายอรรถวิชช์กล่าวเตือนว่า ถ้ามีวันนี้เพราะน้องให้ ให้ระวังว่าเวลากำลังจะหมดลงแล้ว ถ้ากู้เงินจะถูกดำเนินคดีทางกฎหมายเพราะขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 ที่ระบุว่าห้ามไม่ให้ดำเนินการใดๆ ที่จะมีผลผูกพันกับรัฐบาลชุดใหม่ ดังนั้นรัฐบาลต้องขายข้าวในโกดังแต่รัฐบาลเลี่ยงเพราะไม่ต้องการให้มีการตรวจสอบคุณภาพข้าวว่าเน่าหรือไม่ เพราะต้องการซุกขยะไว้ใต้พรม ในที่สุดก็จะเกิดวงจรโกดังถูกเผาตามมา
ทั้งนี้ ขอเตือนธนาคารที่จะปล่อยกู้ให้รัฐบาลว่าจะผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน ถ้าตัดสินใจทำจะติดคุกกันหลายคน หากรัฐบาลจะกู้จริงก็ยังไม่ตอบโจทย์เนื่องจากต้องการเงินถึง 1.8 แสนล้านในการจ่ายเงินให้ชาวนา แต่รัฐบาลกำลังจะขอกู้คราวละ 2 หมื่นล้านต่อสัปดาห์ งวดแรกได้เดือนมีนาคม แสดงว่าหลังจากการเลือกตั้ง จึงเป็นการเลือกปฏิบัติและไม่เป็นธรรมกับชาวนา จึงถือว่าเป็นการตกเขียวชาวนา คือไม่มีการจ่ายเงินก่อนการเลือกตั้ง ต้องรอหลังเลือกตั้งจึงจะได้เงิน
นอกจากนี้ยังมีการยัดไส้นำเงินกู้ครั้งนี้เข้าไปใส่ใน พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ดังนั้นคนที่จะถูกดำเนินคดี คือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกฯ และรมว.คลัง และข้าราชการที่ยอมทำตามคำสั่ง ซึ่งในวันนี้ตนคิดว่าคนไทยจะเห็นความล่มสลายของระบอบทักษิณของจริง
