อธิบดีดีเอสไอ เผยมติ ศรส.เน้นเจรจา กปปส. ตั้ง “จักรทิพย์” หน.คณะเจรจา นำหลายฝ่ายร่วมวงด้วย ศุกร์นี้ไปคุยที่เวทีปทุมวัน ขออย่าขวางเลือกตั้ง พร้อมตั้งเลขาฯ ปปง. หน.ทีมฟันกลุ่มทุนหนุนม็อบพร้อมรีดภาษี เร่งขนข้อมูลยื่นศาลเพิ่ม ให้ออกหมายจับแกนนำ ไล่บี้ถึงคนต่างด้าว สั่ง ตม.จัดการ เตือนรถรับจ้างขนคนร่วมม็อบก็ไม่รอด
วันนี้ (29 ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) แถลงผลการประชุม ศรส.ว่า ที่ประชุม ศรส.มีมติให้เน้นการเจรจากับแกนนำ กปปส. โดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงกำหนดให้มีการจัดตั้งคณะการเจรจาขึ้นเป็นการเฉพาะ ประกอบด้วย พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าคณะ และมีผู้แทนทหาร 3 เหล่าทัพ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ คณะสื่อมวลชน ผู้แทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้แทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ผู้แทนจากฮิวแมนไรต์วอตช์เข้าร่วมในการเจรจาด้วย โดยจะเดินทางเข้าเจรจาที่เวที กปปส.ปทุมวัน ในวันศุกร์ที่ 31 ม.ค. ตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไป เพื่อจะขอร้องให้ทาง กปปส.อย่าดำเนินการปิดกั้นหรือขัดขวางการใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 ก.พ. ขณะเดียวกัน ศรส.ยังมีมติแต่งตั้งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นหัวหน้าคณะงาน ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดีเอสไอ และกรมสรรพากร เพื่อดำเนินการกับกลุ่มทุนที่สนับสนุนการกระทำผิดของแกนนำ กปปส. และดูแลเกี่ยวกับเรื่องภาษีอากร
นายธาริตกล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค.แม้ศาลอาญาจะยังไม่อนุมัติหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กับ 16 แกนนำ กปปส. แต่ ศรส.จะดำเนินการตามคำแนะนำของศาล ด้วยการนำพยานหลักฐานมาเสนอศาลให้ครบถ้วนรัดกุมยิ่งขึ้น โดยจะให้ สตช.และดีเอสไอร่วมกันดำเนินการ โดยให้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ไปขอศาลเพื่ออนุมัติหมายจับ 16 แกนนำดังกล่าว และคนอื่นๆ เพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ ศรส.พบข้อมูลว่า มีบุคคลต่างด้าวบางคนดำเนินการเข้าข่ายเป็นบุคคลต้องสงสัยว่ากระทำผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำนวน 5 คน อาทิ นายสาธิต เซกัล แกนนำ กปปส. จึงให้นำข้อมูลของบุคคลต่างด้าวเหล่านี้ไปมอบให้กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) รับไปดำเนินการตามกฎหมาย
นายธาริตกล่าวด้วยว่า ศรส.มีข้อมูลว่า ขณะนี้กำลังมีการนำพาพี่น้องประชาชนในภาคใต้บางจังหวัดเข้ามาใน กทม.เพิ่มเติม เพื่อชุมนุมปิดล้อมกดดันการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. จึงขอเตือนว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำความผิด เช่นเดียวกับรถรับจ้าง รถโดยสาร หรือผู้ชักนำที่อำนวยความสะดวก ถือว่ากระทำความผิดด้วย