ASTVผู้จัดการรายวัน-ศรส. ตั้ง "จักรทิพย์" เจรจา "สุเทพ" เวทีปทุมวัน 31 ม.ค.นี้ ขอร้องอย่าขวางเลือกตั้ง พร้อมมอบ ปปง. ตรวจสอบท่อน้ำเลี้ยงม็อบ "ธาริต"ไม่เลิก รวบรวมหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับแกนนำอีกรอบ "ประยุทธ์"อ้างทหารมีข้อจำกัด ออกมาไม่ได้ เหตุไร้อำนาจ มีหน้าที่แค่ผู้ช่วย เว้นแต่จะเกิดจราจลหรือมีกองกำลังต่างชาติเข้ามา ด้าน "สุเทพ"ชวนประชาชนร่วมชุมนุมใหญ่ทั่วกรุงเทพฯ 3 วันรวด
เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (29 ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) แถลงผลการประชุม ศรส. ว่า ที่ประชุมมีมติให้เน้นการเจรจากับแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) โดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. จึงกำหนดให้มีการจัดตั้งคณะการเจรจาขึ้นเป็นการเฉพาะ ประกอบด้วย พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะ และมีผู้แทนทหาร 3 เหล่าทัพ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ คณะสื่อมวลชน ผู้แทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้แทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ผู้แทนจากฮิวแมนไรท์วอตช์ เข้าร่วมในการเจรจา โดยจะเดินทางเข้าเจรจาที่เวที กปปส.ปทุมวัน ในวันศุกร์ที่ 31 ม.ค. ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป เพื่อจะขอร้องให้ทาง กปปส. อย่าดำเนินการปิดกั้นหรือขัดขวางการใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ 2 ก.พ. นี้
ขณะเดียวกัน ศรส. ยังมีมติแต่งตั้งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกรมสรรพากร เพื่อดำเนินการกับกลุ่มทุนที่ให้การสนับสนุนการกระทำผิดของแกนนำ กปปส. และดูแลเกี่ยวกับเรื่องภาษีอากรของกลุ่มทุนดังกล่าว
นายธาริตกล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ที่ผ่านมา แม้ศาลอาญาจะยังไม่อนุมัติหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กับ 16 แกนนำ กปปส. แต่ ศรส. จะดำเนินการต่อไป ตามคำแนะนำของศาล ด้วยการนำพยานหลักฐานมาเสนอศาลให้ครบถ้วน รัดกุมยิ่งขึ้น โดยจะให้ สตช. และดีเอสไอ ร่วมกันดำเนินการโดยให้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ไปขอศาลเพื่ออนุมัติหมายจับ 16 แกนนำดังกล่าว และคนอื่นๆ เพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้ ศรส. พบข้อมูลว่า มีบุคคลต่างด้าวบางคน ดำเนินการเข้าข่ายเป็นบุคคลต้องสงสัยว่ากระทำผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำนวน 5 คน อาทิ นายสาธิต เซกัล แกนนำ กปปส. จึงให้นำข้อมูลของบุคคลต่างด้าวเหล่านี้ไปมอบให้กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) รับไปดำเนินการตามกฎหมาย
นายธาริตกล่าวอีกว่า ศรส.มีข้อมูลว่า ขณะนี้กำลังมีการนำพาพี่น้องประชาชนในภาคใต้บางจังหวัด เข้ามาในกรุงเทพฯ เพิ่มเติม เพื่อชุมนุมปิดล้อมกดดันการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. จึงขอเตือนว่า การกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำความผิด เช่นเดียวกับรถรับจ้าง รถโดยสาร หรือผู้ชักนำที่อำนวยความสะดวก ถือว่ากระทำความผิดด้วย
** ผบ.ทบ.อ้างทหารมีข้อจำกัดมากมาย
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการทำหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของกองทัพบก ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานในการประชุมสรุปสถานการณ์ประจำวัน ว่า ทางผบ.ทบ.ได้ชี้แจงทำความเข้าใจว่าการปฏิบัติงานในปัจจุบัน ทหารปฏิบัติหน้าที่ในหลายมิติ แต่อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย โดยได้จัดกำลังกว่า 5,000 นาย เพื่อสนับสนุนการทำงานของศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ในภารกิจต่างๆ ได้แก่ 1.การตั้งด่านตรวจ และจุดตรวจ 2.การจัดกำลังเข้ารักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญต่างๆ 3.การจัดสายตรวจ โดยใช้สารวัตรทหาร (สห.) โดยรอบพื้นที่ชุมนุม และพื้นที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 4.การจัดชุดปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนกรณีเกิดเหตุรุนแรง 5.เตรียมแผนและกำลังเพื่อเผชิญเหตุกรณีต่างๆ
"การปฏิบัติของทหารปัจจุบัน คือ การเฝ้าระวัง แจ้งเตือน ป้องปราม และเข้าคลี่คลายสถานการณ์ แต่บางครั้งอาจเป็นไปได้อย่างจำกัด ส่วนการทำคดีที่อาจล่าช้าไป หรือยังไม่ได้ดำเนินการ ก็จะช่วยเร่งรัดให้ ไม่อยากให้มีการกดดัน ผบ.ทบ. เพราะขณะนี้ทาง ผบ.ตร. มีอำนาจตามกฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และรับผิดชอบทุกอย่าง"
ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ผู้ที่ต้องรับผิดชอบมีหลายฝ่าย ตั้งแต่รัฐบาลลงไป ที่ต้องแสดงความคืบหน้าการดำเนินการในแต่ละเหตุการณ์อย่างโปร่งใส เที่ยงตรง และเที่ยงธรรม ส่วนกลุ่ม กปปส. หรือกลุ่มผู้ชุมนุม จะต้องควบคุมกันเองให้ได้ ไม่ละเมิดกฎหมาย หรือปลุกระดมสร้างความรุนแรง เจ้าหน้าที่ทุกส่วนต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตามอำนาจและหน้าที่ภายใต้กฎหมาย ส่วนสื่อมวลชนก็ต้องระมัดระวัง ไม่ขยายความเกลียดชัง หรือสร้างเงื่อนไขให้เพิ่มขึ้น
** ต้องเกิดการจราจลทหารถึงออกมาได้
พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ขอให้ประชาชนเข้าใจว่าทหารไม่มีอำนาจพิเศษภายใต้กฎหมายปัจจุบัน ขออย่าได้ตำหนิติเตียนทหาร เพราะทหารยังคงต้องปฏิบัติงานชายแดนอย่างเต็มความสามารถ ส่วนกำลังที่ว่างเว้นจากภารกิจ ยังคงต้องมีการฝึก เตรียมการเรื่องต่างๆ ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย และยังต้องจัดกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยสนับสนุนการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ทางผบ.ทบ. ห่วงใยและคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนทุกฝ่ายอย่างมีสติ และใช้ปัญญาช่วยแก้ไขปัญหามาตลอด โดยคำนึงถึงความมั่นคงของสถาบันหรือองค์กรหลักของชาติต่างๆ
"สถานการณ์ที่คนไทยกำลังขัดแย้งและกำลังต่อสู้กัน ขอให้คิดว่าอยู่ในความรับผิดชอบของใคร หรือคนไทยทุกคนต้องช่วยกัน ส่วนทหารถูกออกแบบไว้ต่อสู้กับอริราชศัตรูจากนอกประเทศเป็นหลัก แต่เมื่อใดเกิดการจลาจลขึ้นในประเทศ หรือมีกองกำลังต่างชาติเข้ามา ทหารจึงจะมีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้องและสมบูรณ์ ทหารจะไม่ทำตามคำพูด หรือคำปลุกปั่นยุยงของใครก็ตาม ที่จะให้ทหารทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง โดยสรุปทาง พล.อ.ประยุทธ์ ได้แต่หวังว่า คงไม่มีสถานการณ์ที่รุนแรง จนทุกฝ่ายถอยกันไม่ได้ เพราะจะทำให้ประเทศชาติย่อยยับ ทุกคนต้องเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เพราะยังมีคนดีอีกมาก อย่าคิดว่า เชื่อมั่นอะไรไม่ได้ เพราะจะเป็นอันตรายต่อประเทศในระยะยาว ดังนั้น ทุกพวก ทุกฝ่าย ส่วนหนึ่งจะต้องพยายามแก้ไขปัญหากันเองให้ได้ และขอให้เชื่อมั่นว่า ทุกอย่างจะยุติลงได้ ด้วยกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น และทุกฝ่ายต้องยอมรับ ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายได้ในที่สุด”รองโฆษกทบ. กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ทางรัฐบาลจะขอใช้พื้นที่ในหน่วยทหารเป็นสถานที่จัดการเลือกตั้ง พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ยังไม่มีหนังสือร้องขอมายังกองทัพบก แต่ในหลักการ เรายึดแนวทางเดิมว่า การจัดการเลือกตั้ง ไม่น่าจะเหมาะที่จะใช้หน่วยทหาร คิดว่ากิจกรรมการเลือกตั้งเป็นกิจกรรมสาธารณะที่ไม่น่าใช้ลักษณะพื้นที่ปิด โดยทางกองทัพไม่มีนโยบายที่จะให้ใช้สถานที่หน่วยทหารเป็นสถานที่เลือกตั้งแต่อย่างใด ส่วนการรักษาความปลอดภัยในการเลือกตั้งนั้น ทางทหารคงอยู่จะดูแลความสงบเรียบอยู่ภายนอก คงไม่ได้อยู่ภายในหน่วยเลือกตั้ง ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะดูแลความเสงบเรียบร้อยในพื้นที่วงใน
**กปปส. ยกเลิกแผนไปบุก ศรส.
บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่เวทีปทุมวัน เป็นไปอย่างเรียบร้อยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ไม่มีการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงจากผู้ไม่หวังดี โดยมวลชนยังคงให้ความสนใจเข้าร่วมชุมนุมไม่น้อยกว่าวันที่ผ่านมา ถึงแม้จะมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และมีท่าทีการขอคืนพื้นที่จาก ศรส. ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ยกเลิกการเดินขบวนไปปิดล้อม ศรส. ที่สโมสรตำรวจ เนื่องจากได้รับทราบว่าอาจมีการใช้ความรุนแรง จึงเป็นห่วงถึงความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงแนวร่วมจากทุกเวที ก็ยกเลิกการเดินทางไป ศรส. เช่นเดียวกัน
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกของ กปปส. กล่าวว่า มติของ กปปส. ยืนยันไม่มีการเคลื่อนขบวนไปปิด ศรส. ที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด และสโมสรตำรวจ เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะว่าที่ตั้งของสถานที่ดังกล่าว มีตรอกซอยมาก การป้องกันเหตุร้ายทำได้ยาก จึงขอประเมินสถานการณ์และวางแผนกันอีกครั้ง
"ขอตั้งคำถามกลับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไม่พอใจประชาชนผู้ชุมนุมเรื่องอะไร จึงปล่อยให้ถูกทำร้าย จนมีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก โดยไม่ทำอะไรเลย เช่น กรณีวัดศรีเอี่ยม หรือหน้าสโมสรทหารบก หรือขว้างระเบิด เวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จนทำให้ประชาชนเกิดความสงสัย เพราะทุกเหตุการณ์ล้วนมีคลิปเหตุการณ์เป็นพยานหลักฐาน แต่เจ้าหน้าที่ไม่ทำอะไรเลย"
ส่วนกรณีที่รัฐบาล และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเดินหน้าเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.นี้ นายเอกนัฏ กล่าวว่า แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่จริงใจในการแก้ปัญหา เพราะเชื่อว่า แม้จะจัดการเลือกตั้งผ่านไปได้ ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ รวมถึงกระบวนการขั้นตอนต่างๆ ของการเลือกตั้ง ล้วนมีปัญหาทั้งสิ้น มั่นใจว่าจะไม่สามารถเปิดสภาหรือตั้งรัฐบาลใหม่ได้ เพราะว่าไม่สามารถคำนวณ หรือประกาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ อย่างแน่นอน ซึ่ง กปปส. ก็จะรณรงค์ให้มีการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้งต่อไป เพียงแต่ต้องมีการหารือ เพื่อกำหนดแนวทางกันอีกครั้ง
***ผู้ชุมนุมแวะให้กำลังใจปลัดสาธารณสุข
วันเดียวกันนี้ กลุ่ม กปปส. จากเวทีลาดพร้าว ได้เดินทางมาปิดล้อมสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และสำนักงานประกันสังคม (สปส.) จ.นนทบุรี จากนั้นได้เดินทางต่อมายังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้กำลังใจ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และขอบคุณข้าราชการ
**"เหลิม"บอกเป็นนัยจะมียิงกันอีก
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศรส. กล่าวว่า ขอเตือน 2 บริษัท คือ 1.ขายเหล้า ขายเบียร์ และ 2.ขายเป็ด ขายไก่ พวกคุณต้องสำนึกบุญคุณแผ่นดินไทย มาจากที่อื่น ทำมาหากินจนร่ำรวยในเมืองไทย ให้สำนึกบ้าง ถ้าไม่หยุด ตนจะทำหนังสือถึงกรมสรรพสามิตและกรมสรรพากร ให้ตรวจสอบ เพราะผลิตเหล้าสี แต่เสียภาษีเหล้าขาว ถ้าไม่ยุ่งบ้านเมืองก็สงบ ถ้ามาช่วยตอนเลือกตั้งตนไม่ว่า แต่มาช่วยล้มรัฐบาล ระวังจะเป็นกบฏ ต้องตรวจสอบภาษีย้อนหลัง ตนเอาจริงๆ ถ้าตนยังอยู่ เรื่องต้องเรียบร้อย
หลังจากนี้ ตนคิดว่า จะมีการยิงกันอีก ด้วยเหตุผล 3 ประการ คือ 1.คนเดือดร้อนจากการที่กลุ่ม กปปส. ขัดขวางการเลือกตั้ง 2.กปปส.ไม่ได้ชุมนุมตามกรอบของรัฐธรรมนูญ และ 3.การชุมนุมปิดสะพานพระราม 8 ทำให้ประชาชนที่สัญจรไปมาได้รับความเดือดร้อน แต่ยืนยันว่า ไม่ใช่ฝีมือรัฐบาล ทั้งนี้ ที่สะพานพระราม 8 ถ้ายังไม่เลิกปิดถนน คิดว่าอีกไม่เกิน 7 วัน โดนแน่ เพราะคนอึดอัด
***"สุเทพ"ชวนชุมนุมใหญ่3วันรวด
เมื่อเวลา 19.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ขึ้นเวทีกล่าวขอบคุณพี่น้องที่มาร่วมชุมนุม โดยเฉพาะพี่น้องที่มีเชื้อสายจีนที่ไม่ได้ไปไหว้เจ้า แต่มาร่วมต่อสู้ พร้อมทั้งต่อว่าตำรวจในการทำคดีที่ไม่มีความคืบหน้า และได้แฉว่า ดต.คงเพชร มือยิงผู้ชุมนุม เคยต้องคดีพยายามฆ่า ถูกให้ออกจากราชการ แต่นายพากลับเข้าทำงาน เป็นมือขวาของนายตำรวจที่เคยต้องสงสัยคดีอุ้ม "ทนายสมชาย" และตำหนิการรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้ชุมนุม ส่วนการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. ขอให้อย่าไปเลือกตั้ง แต่ใครอยากไปเลือกตั้งก็เชิญ อยากเป็นขี้ข้ารับใช้ทักษิณก็เชิญ
ทั้งนี้ จะเดินขบวนเชิญชวนให้ประชาชนออกมาร่วมกันต่อสู้ โดยวันที่ 31 ม.ค. จะเดินเส้นทางลาดพร้าวไปเส้นรัชดาไปถึงฟอร์จูน วันที่ 1 ก.พ. ไปอวยพรตรุษจีนกับพี่น้องเยาวราช ผ่านสีลม และวันที่ 2 ก.พ. จะเดินขบวนใหญ่ที่สุด ทุกเวที ไล่ระบอบทักษิณ เป็นการเดินขบวน 3 วันซ้อนให้เป็นข่าวไปทั่วโลก ออกมาสู้บนถนนให้มากเป็นประวัติการณ์ เป็นการชุมนุมใหญ่ไล่รัฐบาล ส่วนในต่างจังหวัด ก็ใช้วิธีการเดียวกันกับกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. เป็นต้นไป จะขอความร่วมมือให้สำนักงานเขตต่างๆ ในกรุงเทพฯ ปิดสำนักงาน เลิกทำงาน แล้วมาร่วมประท้วงกับ กปปส. จนถึงวันที่ 2 ก.พ.