xs
xsm
sm
md
lg

“สุเทพ-เฉลิม” มวยถูกคู่ เดิมพันด้วยศักดิ์ศรี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุเทพ เทือกสุบรรณ

รายงานการเมือง

จากการที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน โดดลงมาเล่นบท ผอ.ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. ออกมาแสดงท่าทางขึงขัง ประกาศกร้าวให้กลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือ กปปส. ที่มี “สุเทพ เทือกสุบรรณ” นั่งเป็นเลขาธิการ รีบถอนตัว ถอนกำลัง เลิกปิดสถานที่ราชการทั้งหมดภายใน 72 ชั่วโมง หากยังลองดีเจอหน่วยจู่โจมเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าไปรวมตัวระดับหัวโจกแน่นอน

ขณะที่ฝ่าย “สุเทพ” หรือ ‘ลุงกำนัน’ ของมวลมหาประชาชนก็ออกประกาศสวนไปทันควัน สั่งให้ ‘เฉลิม’ ยุบ ศรส.ด่วนภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นจะพาขบวนเหล่ามวลมหาประชาชนไปบุกปิดล้อมที่ทำการ ศรส. และงานนี้อาจจะเห็นคนบางคนต้องหนีหัวซุนเหมือนในอดีต

งานนี้ดูจะน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งเพราะว่ากันว่าเป็นการจับ “คู่ชก” ที่สมน้ำสมเนื้อมากที่สุด

หากจะจับทั้งสองมาเปรียบเชิงทางมวยแล้วจะเห็นว่า ฝ่าย ‘ลุงกำนัน’ มีผู้สนับสนุนรายใหญ่เป็นมวลมหาประชาชนที่พากันออกมาต่อต้านระบอบทักษิณทั่วทุกมุมของประเทศ

ส่วน ‘เฉลิม’ มีอำนาจของรัฐบาลรักษาการอยู่ในมือปากคาบ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หนุนด้วยจิตวิญญาณ “ขี้ข้า” ที่ขายให้กับ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อย่างถวายหัว

‘สุเทพ’ เริ่มต้นไต่เต้าจากการเมืองท้องถิ่นกับตำแหน่งกำนัน ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี แถมยังเป็นกำนันหนุ่มคนแรกที่มีดีกรีถึงระดับปริญญาโทจากอเมริกา

ส่วน ‘เฉลิม’ ดูจะมีชีวิตที่ผาดโผนกว่า เรียนรู้ทางการเมืองตั้งแต่ยศสิบโทด้วยการร่วมขบวนการก่อรัฐประหารรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ปี 2524 แต่ไม่สำเร็จ จนโดนไล่ออกจากราชการ ซ้ำด้วยถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง สุดท้ายรอดตัวไปเพราะได้รับการนิรโทษกรรม

แต่ทั้งสองเริ่มต้นเข้าสู่การเมืองจากเบ้าหลอมเดียวกันคือพรรคประชาธิปัตย์ ค่ายแม่พระธรณีบีบมวยผมที่ทุกคนยอมรับว่าเป็นโรงเรียนที่ผลิตนักการเมืองที่มีฝีมือป้อนให้วงการการเมืองไทยมามากมาย เพียงแต่ ‘สุเทพ’ เข้ามาก่อนในปี 2522 ส่วน ‘เฉลิม’ เข้ามาปี 2526 แม้จะห่างกัน 4 ปี แต่ก็นับได้เป็นรุ่นเดียวกันได้ ในช่วงเวลานั้นทั้งสองยังพอมีความสัมพันธ์ฉันเพื่อนร่วมพรรคการเมืองกันอยู่ จนเมื่อ ‘ เฉลิม’ ได้ผละจากอกแม่พระธรณีไปตั้งพรรคการเมืองของตนเองภายใต้ชื่อ “พรรคมวลชน” ตามรูปแบบของเฉลิม คือยอมเป็นหัวหมา ดีกว่าเป็นหางราชสีห์

“เฉลิม” เริ่มเสพติดอำนาจการเมืองหลังจากที่ได้นั่งเก้าอี้ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุนหะวัณ กำกับดูแล อ.ส.ม.ท. สร้างวีรกรรมนำรถถ่ายทอดโทรทัศน์ไปลักลอบดักฟังข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม จนได้ฉายา “เหลิม ดาวเทียม” และการรุมกินโต๊ะในรัฐบาล หรือ “บุฟเฟต์คาบิเนต” จนถูกรัฐประหารด้วยฝีมือของคณะ รสช. ถูกยึดทรัพย์จำนวน 32 ล้านบาท ด้วยข้อหาร่ำรวยผิดปกติ ต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกไปอยู่สวีเดน เดนมาร์ก

พอกลับมาเมืองไทยถึงขั้นก้มลงกราบผืนแผ่นดินไทยกล่าวสาบานว่าจะเลิกเล่นการเมืองเลยทีเดียว

แต่ได้ไม่นานคนอย่าง “เฉลิม” ก็กลืนน้ำลายตัวเองนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีอีกหลายตัว ทั้งสมัยบรรหาร ศิลปอาชา และสมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ

ส่วนโปรไฟล์ “สุเทพ” เส้นทางไม่ได้หวือหวาเหมือนอีกฝ่าย ไต่เต้าจากลูกพรรคธรรมดามาเป็นตำแหน่งต่างๆ ทั้งรองหัวหน้า กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ จนมาถึงเลขาธิการพรรค

การที่ทั้งสองอยู่คนละฝ่ายทางการเมืองและบทบาทที่ได้รับทำให้ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนเริ่มปริร้าวไปตลอดเวลานั้นเป็นต้นมา รอยร้าวระหว่างทั้งสองเริ่มปริร้าวไปเรื่อยๆ จนเป็นไม้เบื่อไม่เมาในสภากันมาตลอด

แต่มาแตกหักกันชัดเจนเมื่อครั้งที่ “เฉลิม” เรืองอำนาจในตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ยุครัฐบาลสมัครสุนทรเวช นั่งกำกับกรมที่ดิน สั่งให้ฟ้องบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด ธุรกิจครอบครัวของสุเทพ ฐานบุกรุกรัฐ 59 แปลง 1,300 ไร่ จนต้องพิสูจน์กันอุตลุดทั้งในสภาและนอกสภา สุดท้ายกรมที่ดินต้องถอนฟ้อง แต่เฉลิมโดนสุเทพฟ้องกลับข้อหาหมิ่นประมาท

งานนั้นคนวงในบอกว่า “สุเทพ” แค้นจนแทบกระอักเลือด ถึงกับลั่นวาจาว่า “งานนี้ต้องปลด” ไอ้เหลิม” ให้ได้ ด้วยเพาเวอร์ทางการเมืองที่มีแฝงอยู่ในรัฐบาลสมัคร ทำเอา “เฉลิม” ถูกเฉดหัวจากเก้าอี้ รมว.มหาดไทย ตามวาจาสิทธิ์

อย่างที่บอก ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ฉันใดก็ฉันนั้น ผลที่ตามมาในครั้งนี้ได้สร้างความแค้นฝังหุ่นให้กับ “เฉลิม” เป็นอย่างยิ่ง ถึงขั้นสาบานว่าแค้นนี้ต้องสะสาง

การห้ำหั่นกันทางการเมืองของทั้งสองฝ่ายมีมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาล “สุเทพ” นั่งรองนายกรัฐมนตรีดูแลฝ่ายความมั่นคง “เฉลิม” ก็ตามล้างตามเช็ดอย่างต่อเนื่องในบทบาทของฝ่ายค้านในสภาอย่างต่อเนื่อง

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุกรุกที่ดินเขาแพงเกาะสมุย ที่แตะไปถึงลูกชายหัวแหวน “แทน เทือกสุบรรณ” เจ็บไปถึงผู้เป็นพ่อ โครงการก่อสร้างโรงพัก 396 แห่งฉาว หรือเรื่องออกคำสั่งฆ่าประชาชน 91 ศพ

แต่ละเรื่องล้วนข้อหาหนักๆ ทั้งนั้น ฟาดฟันกันในสภามันหยดติ๋งถึงขั้นประธานต้องสั่งหิ้วปีก ‘เฉลิม’ ออกจากห้องประชุม

จนเมื่อได้กลับมาเรืองอำนาจอีกครั้งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ “เฉลิม” เลยถือโอกาส เช็กบิลรวบทุกข้อหา ใช้ ‘ขี้ข้าร่วมสาบาน’ อย่าง ‘ธาริต เพ็งดิษฐ์’ อธิบดีดีเอสไอ จัดหนัก ให้ “สุเทพ” แถมพ่วงด้วย “มาร์ค” ทันที ชนิดที่ว่าไม่ต้องเป็นอันทำอะไรนอกจากเดินสายต่อสู้คดี

ความเป็นไม้เบื่อไม้เมาที่มีต่อ “เฉลิม” ถึงขั้นเป็นแรงบันดาลใจให้ “สุเทพ” โดดขึ้นเวทีทอล์กโชว์สมัครเล่น จิกกัดเปลือยตัวตนของ “เฉลิม” ต่อสาธารณชนอย่างเป็นที่สนุกสนานถูกอกถูกใจบรรดาแม่ยกลูกยกพรรคประชาธิปัตย์กันยกใหญ่

จนเมื่อ “สุเทพ” ผันตัวจาก ส.ส.มาเป็น “ลุงกำนัน” หัวหอกนำพี่น้องประชาชนออกมาขับไล่ระบอบทักษิณอย่างเต็มตัวครั้งนี้ น่าจะเป็นจุดแตกหักที่ทั้งสองคนต้องเผชิญอย่างเลี่ยงไม่ได้

หลายเรื่องหลายเหตุการณ์ที่สร้างความคั่งแค้นให้กับเฉลิม ต้องเจอตำตาต่อการชุมนุมหนนี้ ไม่ว่าจะการใช้ดีเอสไออายัดบัญชีแกนนำทุกคนพร้อมด้วยสปอนเซอร์ต่างๆ หวังตัดมือตัดตีนก็ไม่สามารถได้ดังหวัง

ภาพมวลชนแห่มาให้กำลังพร้อมบริจาคเงินให้ลุงกำนันอย่างต่อเนื่องทุกๆ วัน มันช่างทิ่มตาแทงใจคนอย่าง “เฉลิม” เสียจริง แม้จะใช้อำนาจประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงก็แล้ว โยนไพ่ใบสุดท้ายประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ตามดูเหมือนจะยิ่งช่วยกวักมือเรียกมวลมหาประชาชนให้ออกมากยิ่งขึ้น

ดังนั้นก็คงต้องพากันลุ้นจนตัวโก่งว่าระหว่าง ขีดเส้นตาย 72 ชั่วโมง จับตัวกำนันสุเทพ กับ 24 ชั่วโมง ยุบทิ้ง ศรส.ของเฉลิม ใครจะแพ้ชนะ

ฝั่งลุงกำนันน่าจะมีคนถือหางมากพอสมควร เพราะเคยเห็นบทบาทพูดจริงทำจริงมาแล้ว ส่วน “เฉลิม” ทุกคนยังจำกันได้กับความ “ขี้ขลาด-ขี้โม้” ที่ฝังอยู่ในตัวตนได้ดี

โดยเฉพาะชาวบ้านใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้..!
ร.ต.อ. เฉลิมอยู่บำรุง

กำลังโหลดความคิดเห็น