รอง หน.ประชาธิปัตย์ จี้ “ยิ่งลักษณ์” คุย กกต.อย่าส่งคนอื่นมาแทน ชี้ยิ่งทำยิ่งไม่จริงใจทำตามคำวินิจฉัยศาล รธน. ระบุเลือกตั้งใหม่ต้องอยู่ภายใต้หลัก 3 ประการ เชื่อเดินหน้าเจอค้านรุนแรงแน่ ส่อโมฆะสูง ขอ ศรส.เลี่ยง 4 พฤติกรรม ด้าน “มัลลิกา” ถามความคืบหน้า 7 คดี ซักฆ่า “สุทิน” อยู่ในแผนสังหารแกนนำหรือไม่ ขณะที่ “จุฤทธิ์” ถามจำนำข้าวจ่ายชาวนาเมื่อไหร่ ใครรับผิดชอบ กำชับ ป.ป.ช.ฟันดะ
วันนี้ (27 ม.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปหารือกับประธาน กกต.ด้วยตัวเองแทนที่จะมอบหมายให้ผู้อื่นไปพบกับประธาน กกต.เพราะจะแสดงให้เห็นว่านายกฯไม่มีความจริงใจในการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ตนเชื่อว่าประเด็นการจัดเลือกตั้งใหม่เป็นคนละประเด็นกับการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นช่องทางที่จะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น การจัดเลือกตั้งใหม่ต้องอยู่บนเงื่อนไข 3 ประการ 1. ต้องได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายในสังคม 2. ต้องเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม 3. ต้องเป็นการเลือกตั้งเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ด้วยการทำให้เกิดการยอมรับ แต่ทั้งสามประการนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างนายกฯ กับประธาน กกต. จึงขอเรียกร้องให้นายกไปพบประธาน กกต.ด้วยตัวเอง เพื่อหาทางออกร่วมกัน
นายองอาจกล่าวว่า ถ้ารัฐบาลเดินหน้าเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 ต่อไปก็จะมีคนคัดค้านก่อนการปฏิรูป มีแนวโน้มเกิดความรุนแรงใน กทม.และภาคใต้ จะไม่สามารถประกาศผลการเลือกตั้งได้ ไม่สามารถนับคะแนนผลการเลือกตั้งระบบปาร์ตี้ลิสต์ได้ และ มีการร้องให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ หากเดินหน้าต่อไปก็มีความเป็นไปได้สูงที่การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ ถ้ารัฐบาลดึงดันต่อไปก็จะไม่สามารถใช้การเลือกตั้งเป็นกลไกในการหาทางออกให้กับประเทศไทยได้ จึงขอให้รัฐบาลขบคิดร่วมหาทางออกให้บ้านเมือง ดีกว่าปล่อยให้ประเทศเดินไปในลักษณะนี้ต่อไป
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงการดำเนินการของ ศรส.นั้น ตนเห็นว่าก่อนหน้านี้เคยมี ศอ.รส. ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ศอ.รส.มีพฤติกรรมในการให้ข่าวในนามตัวแทนรัฐบาลทำตัวเป็นคู่ขัดแย้งกับผู้ชุมนุม บิดเบือน ใส่ร้ายป้าย สีก่อให้เกิดสถานการณ์ยั่วยุต่อผู้ชุมนุมจนเกิดเหตุการณ์รุนแรงหลายครั้งในช่วงเวลาที่ผ่านมา ดังนั้น ศรส.ที่ถูกตั้งขึ้นใหม่ตามการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงควรหลีกเลี่ยงที่จะมีพฤติกรรม 4 ประการ คือ 1. การให้ข้อมูลเท็จต่อสาธารณะ 2. ศรส.ไม่ควรใส่ร้ายป้ายสีผู้ชุมนุม 3. ไม่ควรปล่อยให้มีการข่มขู่คุกคาม ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมต่อผู้ชุมนุมหรือแกนนำผู้ชุมนุม และ 4. ไม่สร้างสถานการณ์กล่าวหาอย่างเลื่อนลอย เพราะหากยังมีพฤติกรรมเช่นเดียวกับที่ ศอ.รส.เคยทำจะทำให้สถานการณ์ล่อแหลมเสี่ยงต่อความรุนแรง จึงต้องระมัดระวังในการนำเสนอข้อมูลต่อสาธารณะไม่บิดเบือนเพื่อประโยชน์เฉพาะหน้าของรัฐบาล เพราะสถานการณ์จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ เนื่องจากผู้ชุมนุมคงไม่ยอมให้ ศรส.ดำเนินการไม่ชอบธรรมต่อประชาชนอีกต่อไป นายกฯ จึงต้องกำชับการดำเนินการของ ศรส.ว่าต้องไม่เป็นเชื้อไฟให้สถานการณ์บานปลายมากกว่าในปัจจุบัน
ด้าน น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องไปยัง ศรส. นายกฯ และรองนายกฯ ที่ดูแล สตช.เกี่ยวกับความคืบหน้าคดีต่างๆ ว่า 1. คดียิงนักศึกษารามคำแหง 2. ยิง-ปาระเบิดบ้านแกนนำ กปปส. บ้านนายชวน หลีกภัย และบ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งยิงถล่มพรรคประชาธิปัตย์ 3. ปาระเบิดใส่ผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพราะหลักฐานชัดว่าเกี่ยวข้องกับคนที่ใกล้ชิดกับเสธ.แดง จึงต้องมีการแถลงความคืบหน้า 4. คดีฆ่าตำรวจ และนายวสุ สุฉันทบุตร 5. คดีที่ กปปส.ถูกโจมตีที่ปทุมธานี 6. คดีที่มีการปาระเบิดใส่ขบวนรณรงค์ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่บรรทัดทอง จนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และ 7. การฆาตกรรมนายสุทิน ธราทิน แกนนำ กปท.ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (26 ม.ค. 57) ทั้งนี้ ขอตั้งข้อสังเกตว่า คนที่เข้าไปทุบรถ ทำร้ายนายสุทินนั้น คนในพื้นที่ทราบว่าเป็นผู้สมัคร ส.ส.คนหนึ่งของพรรคเพื่อไทยว่าเป็นผู้นำมา จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร และขอถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่ารู้เห็นเป็นใจกับการทุบตีฆ่าประชาชนหรือไม่ จึงรู้แผนล่วงหน้าหลบฉากไปอยู่ที่เชียงใหม่ นอจากนี้ขอถาม ศรส.ว่าการตายของนายสุทินเป็นหนึ่งในแผนเด็ดหัวแกนนำหรือไม่
ขณะที่นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าการเลือกตั้งล่วงหน้ามีคนตายเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกของชาติไทยจะทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รู้สึกสำนึกอย่างไรหรือไม่ ชีวิตคืนไม่ได้ ผ่านไปแต่ละวันจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขอให้นายกฯ รีบเจรจากับ กกต.โดยเร็วที่สุด ไม่ว่าจะตัดสินใจเลือกตั้งหรือไม่เป็นสิทธิ แต่ตนเรียกหาสำนึกและขอให้หยุดสร้างเงื่อนไขในการเจรจาเรียกร้องเพื่อต่อรอง แต่ให้เป็นการเจรจาเพื่อหาทางออกประเทศไม่ใช่ทางออกของการรักษาอำนาจรัฐเป็นหลัก
นายจุฤทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลค้างเงินชำระจำนำข้าวจนชาวนาฆ่าตัวตายว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลอ้างว่าไม่มีเงินมาจ่ายไม่สามารถกู้เงินได้เพราะเป็นรัฐบาลรักษาการ แต่วันนี้ได้สิทธิในการกุ้เงินแล้ว เพราะคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นว่ารัฐบาลกู้เงินได้ แต่มีปัญหาว่าไม่รู้จะกู้จากธนาคารไหน จ่ายเงินอย่างไร ชาวนาเครียด ตนจึงมีคำถามถึงรัฐบาลว่า 1. จะจ่ายเงินชาวนาวันไหน เท่าไหร่ ครบถ้วนทุกบาททุกสตางค์หรือไม่ เลือกจ่ายเป็นบางที่ หรือจ่ายหลัง 2 ก.พ. 57 2. ให้รัฐบาลยืนยันว่าจะเดินหน้าจำนำข้าวต่อไปใช่หรือไม่ ชาวนาจะได้รู้ว่าควรจะปลูกข้าวต่อไปหรือไม่ในขณะที่โครงการนี้เจ๊งไม่มีเงินมาจ่ายให้ชาวนา 3 .จะหาคนมารับผิดชอบโครงการนี้อย่างไร ในส่วนนโยบายทักษิณคิดยิ่งลักษณ์ ทำเด็กเจ๊โกงจนไม่มีเงินจ่ายค่าข้าว กระบวนการรับจำนำที่มีความผิดพลาด ทุจริต ข้าวที่ยังขายไม่ออก เน่าเสีย เสื่อมสภาพรัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร ขอเรียกร้องไปยัง ป.ป.ช.ให้เร่งสืบสวนสอบสวนผู้ทำผิดทั้งการโกง และหามาตรการที่จะดำเนินการกับนโยบายที่ผิดพลาดในลักษณะนี้ด้วย
