ปธ.ที่ปรึกษา ศรส.แถลงโวเลือกตั้งล่วงหน้าได้ 66 จว.ด้านอธิบดีดีเอสไอ ขู่แกนนำ กปปส.นำขวางโหวตมีโทษร้ายแรง โวย กกต.เฉยขอช่วย แนะผู้เสียสิทธิ์ไปแจ้งความ เตรียมแฉภาพการ์ดพกอาวุธพรุ่งนี้ พร้อมส่งทีมเจรจาขอคืนส่วนราชการ ระบุมติให้เปิด สน.ให้ชาวบ้านอ้างม็อบทำเดือดร้อนใช้เพียงแค่บัตร ปชช.ขอเยียวยา ก่อนบีบเอกชนช่วยลดเวลาชำระหนี้แลกหย่อนภาษีหรือเงินกู้
วันนี้ (26 ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เมื่อเวลา 13.00 น.นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) พร้อมด้วยนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการ ศรส.ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุม ศรส.
นายสุรพงษ์ แถลงว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบ ศรส.ได้รายงานสถานการณ์การเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 26 ม.ค.ที่มีกลุ่ม กปปส.เข้าไปขัดขวางและใช้กำลังประทุษร้ายกับผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งพบว่า ในพื้นที่ 77 จังหวัด สามารถจัดการเลือกตั้งได้ 66 จังหวัด และมีจังหวัดที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าได้ ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ชุมพร สงขลา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ ตรัง และพัทลุง ส่วนการเลือกตั้งล่วงหน้าในพื้นที่ กทม.50 เขต มีหน่วยเลือกตั้งที่ต้องยุติ 45 เขต แบ่งเป็น กทม.33 เขต และฝั่งธนบุรี 12 เขต
นายธาริต กล่าวว่า ที่ประชุม ศรส.มีมติ 4 เรื่องคือ 1.เกิดการก่อเหตุร้าย ขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้าใน กทม.และต่างจังหวัด โดยแบ่งเป็น 5 ประเด็น ได้แก่ 1.แกนนำกปปส.นำประชาชนปิดล้อม ขัดขวาง ประทุษร้าย ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถือว่ามีโทษร้ายแรง 2.กกต.ไม่ได้ขอความช่วยเหลือมายัง สตช.และกองทัพ ในการสนับสนุนจัดการเลือกตั้ง ทั้งที่ กกต.มีอำนาจ 3.การชุมนุมของ กปปส.ที่กระทำการปิดสถานที่อย่างต่อเนื่อง สร้างความเสียหายต่อระบอบประชาธิปไตยและสิทธิส่วนบุคคลอย่างรุนแรงต่อการเลือกตั้ง 4.ศรส.ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการกีดขวางการเลือกตั้งไปแจ้งความที่โรงพักประจำท้องที่ที่เกิดเหตุ และ 5.ศรส.กำชับให้ สตช.และดีเอสไอดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างรัดกุม
นายธาริต กล่าวต่อว่า 2.จากการตรวจสอบพฤติกรรมของการ์ด กปปส.พบว่า มีการพกพาอาวุธทั้งปืนสั้นและปืนยาว ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว โดยพบว่ามีการก่อเหตุยิงปืนที่สะพานหัวช้าง โดยจะมีการนำพยานหลักฐานมาแสดงในวันที่ 27 ม.ค. 3.เห็นชอบให้ดำเนินการขอคืนพื้นที่ราชการเพื่อให้สามารถเปิดให้บริการประชาชนได้ โดยจะมีคณะเจรจา ประกอบด้วย ปลัดกระทรวง หรืออธิบดี เจ้าหน้าที่ทหาร 3 เหล่าทัพ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 4.ศรส.มีมติให้ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุมของ กปปส.ที่มีการปิดพื้นที่ เพราะถือว่าเป็นการล่วงละเมิดสิทธิ โดยจะขอให้ประชาชนมาแจ้งความเพื่อขอรับการเยียวยาได้ที่ กองบังคับการปราบปราม ถ.พหลโยธิน และสถานีตำรวจทุกแห่ง ทั้งในพื้นที่ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค.-3 ก.พ.57 โดยใช้เพียงบัตรประชาชน และแจ้งภูมิลำเนาที่ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องมีทะเบียนบ้านในพื้นที่ดังกล่าวก็ได้ มีอายุ 20 ปีขึ้นไป หลังจากรับแจ้งแล้วเจ้าหน้าที่จะออกบันทึกประจำวันเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า หลังจากเปิดแจ้งความครบ 7 วัน ทาง ศรส.จะขอความร่วมมือไปยังธนาคาร ห้างร้าน โรงแรม หรือกิจการการค้าทุกประเภทให้ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนที่มีนิติสัมพันธ์กับผู้ประกอบการทั้งหมด เช่น การผ่อนผันระยะเวลาการชำระหนี้ การผ่อนผันค่าปรับกรณีชำระล่าช้า การลดหย่อนค่าเสียหาย และการทุเลาใดๆ เพื่อลดความเสียหาย หากกิจการใดๆ ให้ความร่วมมือ ศรส.จะเสนอรัฐบาลหลังเหตุการณ์ยุติเพื่อพิจารณาให้การช่วยเหลือด้านภาระภาษี หรือเงินกู้จากธนาคารของรัฐ เป็นต้น และ ศรส.จะเสนอรัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน หรือความเสียหายในรูปแบบต่างๆ เช่น เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ สถาบันการเงิน เช่น ธนาคารของรัฐ เป็นต้น และข้อมูลการสำรวจความเสียหายครั้งนี้จะใช้เป็นหลักฐานในการประกอบการดำเนินคดีกับ กปปส.ด้วย