ศอ.รส.ส่ง “ชัยเกษม-ธาริต” ใช้ทีวีพูลโจมตี กปปส. อ้างคุกคามข้าราชการ ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมไล่รัฐบาล อ้างหน่วยงานราชการยังให้บริการตามปกติ แม้สถานการณ์จะยุ่งยาก อธิบดีดีเอสไอได้ทีประฌามแกนนำ-การ์ดล้อมกรอบข่มขู่ ผบ.สำนักคดีอาญา 1 เป็นการกระทำที่เลวร้าย เรียกร้องประชาชนเลิกร่วมชุมนุมล้มล้างระบอบทักษิณ ขู่ผิดกฎหมาย
ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (21 ม.ค.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแลศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เป็นประธานการประชุม ศอ.รส.ประเมินสถานการณ์และจัดวางมาตรการป้องกันเหตุการณ์รุนแรงในการชุมนุมกลุ่ม กปปส. ร่วมกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ นายนิวัฒนธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์
พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคง (สมช.) พล.อ.อักษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายกิตติพงษ์ กิติยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรณะ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และประชุมร่วมกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
หลังการประชุม ศอ.รส. นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมแถลงข่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ
นายชัยเกษมกล่าวว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์เรียกร้องของกลุ่ม กปปส.อย่างต่อเนื่องตลอดมา ซึ่งก่อให้เกิดความวุ่นวาย และความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในบ้านเมือง การชุมนุมดังกล่าวมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวกเป็นแกนนำในการชุมนุม ได้ตกเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดกฎหมาย โดยศาลอาญาได้ออกหมายจับนายสุเทพในความผิดฐานเป็นกบฏ ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง และมีโทษสูงถึงประหารชีวิต ขณะนี้การกระทำผิดดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ และได้กำหนดแจ้งข้อกล่าวหาต่อแกนนำจำนวน 58 คน ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานร่วมกันกระทำการเป็นกบฎตามมาตรา 113 และ 114 ร่วมกันยุยงส่งเสริมให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมายตามมาตรา 116 และร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองตามมาตรา 215 ดังที่ทราบกันทั่วไปนั้น
การชุมนุมดังกล่าวได้ยกระดับการชุมนุมที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับจนกระทั่งปิด กทม. ตั้งเวทีต่อต้านรัฐบาลบนถนนที่สำคัญหลายแห่ง เดินขบวนไปปิดล้อมและบุกรุกสถานที่ราชการต่างๆ เพื่อให้ข้าราชการและประชาชนไปทำงานไม่ได้ และหากข้าราชการและประชาชนคนใดที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวก็จะถูกกลุ่มผู้ชุมนุมคุกคาม ขับไล่ ด่าว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย และข่มขืนใจจนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย
“การกระทำดังกล่าวนอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายแล้ว ยังเป็นการไม่ให้เกียรติ ดูหมิ่น และคุกคามข้าราชการ พนักงานข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่ในองค์กรมหาชน และหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐในขณะปฏิบัติราชการตามหน้าที่ อย่างไรก็ตาม แม้กลุ่มผู้ชุมนุมจะได้กระทำการดังกล่าว แต่ข้าราชการ พนักงานข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยังคงทุ่มเททำหน้าที่ของตนภายใต้สถานการณ์ที่ถูกกดดัน ขับไล่ ข่มขู่ และคุกคามอย่างไม่ย่อท้อ ในนามของรัฐบาลขอแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจ และขอขอบคุณทุกท่านที่ได้มุ่งมั่น ทุ่มเท ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจของตนอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและประโยชน์สุขของประชาชนเป็นส่วนร่วม แม้จะต้องใช้ความอดทนอดกลั้นจากการคุกคามของผู้กระทำความผิดต่อกฎหมาย และไม่สามารถทำงานสถานที่ทำการปกติได้”
นายชัยเกษมกล่าวต่อว่า แม้ว่าสถานการณ์ที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะได้พยายามสร้างความปั่นป่วนและยุ่งยากต่อการปฏิบัติราชการของข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทางรัฐบาลก็ได้พยายามอย่างเต็มที่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกกระทรวง ทบวง กรม ทุกหน่วยงานสามารถปฏิบัติราชการเพื่อบริการพี่น้องประชาชนได้ตามปกติอย่างต่อเนื่องได้ตลอดไป จึงขอให้ท่านมั่นใจว่ายังสามารถติดต่อและใช้บริการของทางราชการได้ตามปกติ ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนมีข้อขัดข้องสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วน 1111
ด้านนายธาริตกล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค. แกนนำกลุ่ม กปปส.จำนวนหนึ่งได้นำพามวลชนไปปิดล้อมอาคารซอฟต์แวร์ปาร์ก ถ.แจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นที่ทำการชั่วคราวของดีเอสไอ และมีสถานที่ทำงานของภาคเอกชนอีกจำนวนมาก ปรากฏว่าผู้ชุมนุมได้บุกรุกไปตามชั้นต่างๆ ของอาคารและข่มขู่ ไล่ต้อน บีบบังคับให้ข้าราชการซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ให้ออกจากที่ทำการ พร้อมกับนำเอาโซ่กับกุญแจคล้องปิดห้องทำงานของดีเอสไอทุกชั้นจนทำให้ข้าราชการไม่สามารถปฏิบัติงานได้
“ที่ร้ายแรงกว่านั้น แกนนำพร้อมการ์ด กปปส.จำนวนหนึ่งได้เข้าล้อมกรอบบุกประชิดตัว พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญา 1 ดีเอสไอ และด่าว่า ขู่เข็ญ บังคับ จนถึงขนาดให้ พ.ต.อ.นิรันดร์ ซึ่งอายุมากแล้วต้องยกมือไหว้ขอร้องมิให้ใช้ความรุนแรงหรือรุมทำร้าย การกระทำเช่นนี้นอกจากจะเป็นความผิดต่อกฎหมายแล้ว ยังเป็นการสร้างแบบอย่างที่เลวร้ายต่อสังคมอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในประเทศไทย” นายธาริตกล่าว
นายธาริตกล่าวว่า ตนในฐานะอธิบดีซึ่งเป็นหัวหน้าของดีเอสไอ ขอประณามการกระทำของแกนนำ กปปส. และขอเรียกร้องให้ยุติการกระทำอันเลวร้ายเช่นนี้ และถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ จะสามารถใช้อาวุธหรือกำลังเข้าต่อสู้ หรือป้องกันตัวหรือทรัพย์สินของราชการได้โดยชอบตามกฎหมาย แต่ก็ได้หลีกเลี่ยงตามนโยบายของรัฐบาลที่ไม่ต้องการให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายของประชาชนที่ถูกแกนนำใช้เป็นเครื่องมือ
ดีเอสไอขอเรียนว่า อาคารสถานที่และทรัพย์สินของราชการนั้นล้วนเป็นทรัพย์สมบัติของชาติบ้านเมือง ซึ่งพี่น้องประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน และการปฏิบัติงานของข้าราชการทุกคนก็เพื่อให้เกิดการบริการแก่ประชาชนนั่นเอง การกระทำของแกนนำ กปปส.ด้วยการบุกรุกสถานที่ราชการทำให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย และขับไล่ข้าราชการไม่ให้ทำงานจึงเท่ากับเป็นการทำร้ายประชาชนและประเทศชาติโดยตรง
“ขอวิงวอนพี่น้องประชาชนได้หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมชุมนุมกับแกนนำที่กระทำผิดกฎหมาย หรือให้การสนับสนุนใดๆ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้กลายมาเป็นผู้กระทำความผิด และช่วยกันยุติความเสียหายต่อชาติบ้านเมืองโดยเร็ว”
ทั้งนี้ นายธาริตได้นำคลิปวิดีโอขณะที่ พ.ต.อ.นิรันดร์ ยืนอยู่ในลิฟต์ และกำลังยกมือไหว้ แกนนำและการ์ด กปปส.บางส่วน อาทิ นายจุมพล จุลใส และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ มาประกอบการแถลงข่าวด้วย
