โฆษกประชาธิปัตย์ โวย “สุรพงษ์” ใส่ร้ายม็อบบึ้มกันเอง จวกใช้อำนาจบิดเบือนข้อเท็จจริง ผุด ศอ.รส.เพื่อรักษาอำนาจ ตั้ง 2 ข้อสังเกต ตร.จับมือป่วนพกบึ้มได้แต่ไม่ขยายผล แถมมีเป้าหมายเล่นแกนนำพรรค เตือน “ยิ่งลักษณ์” ถ้ายังใช้บริการอยู่ไม่ถึงเป้าแน่ ด้าน “จุฤทธิ์” หยุด 4 ก. ก้าวร้าว-กดดัน-กลั่นแกล้ง-โกหก
วันนี้่ (20 ม.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง สถานการณ์เหตุระเบิดบริเวณพื้นที่ชุมนุมกลุ่ม กปปส. ที่เกิดขึ้นเกือบทุกวันโดยที่ตำรวจจับกุมคนร้ายไม่ได้และ ศอ.รส.โดยเฉพาะนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ที่ใส่ร้ายว่าผู้ชุมนุมสร้างสถานการณ์เองนั้น มีเป้าหมายทางการเมืองให้ร้ายผู้ชุมนุม เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการวางระเบิดสังหารในระยะ 5-6 เมตรในที่ชุมนุมโดยผู้ชุมนุมเอง ตนจึงขอเรียกร้องไปยังนายสุรพงษ์ว่า ศอ.รส.กำลังใช้อำนาจรัฐบิดเบือนข้อเท็จจริง พยายามกล่าวหาผู้ชุมนุมให้รัฐบาลถึงเป้าหมายคือวันเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 โดยใช้ ศอ.รส.รักษาความมั่นคงของรัฐบาลรักษาอำนาจเอาไว้ ไม่ใช่การรักษาความสงบในชาติ
นายชวนนท์กล่าวว่า ทั้งนี้ตั้งข้อสังเกตว่ามีขบวนการก่อความรุนแรงสองกลุ่ม คือ 1. เหตุที่เกิดขึ้นที่บรรทัดทอง และอนุสาวรีย์ชัยฯ เป็นการใช้อาวุธชนิดเดียวกัน จึงเชื่อว่าเป็นกลุ่มที่ตระเวนป่วนเวทีต่างๆ ส่วนที่เคยมีการจับกุมตัวผู้ที่พกอาวุธชนิดเดียวกับที่มีการก่อเหตุ ที่ สน.บางนาได้ แต่กลับไม่มีการขยายผลที่จะดำเนินการใดๆ และ 2. ตระเวนก่อวินาศกรรมโดยมีเป้าหมายที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ใช้ระเบิดเอ็ม 26 เหมือนกัน โดยในส่วนการปาระเบิดบ้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.มีกล้องวงจรปิดจับภาพอย่างชัดเจนแต่ไม่มีการจับกุมเพื่อขยายผล สะท้อนว่ารัฐบาลไม่คิดจับกุมคนร้ายคิดแต่จะให้ร้ายผู้ชุมนุมเท่านั้น จึงขอเตือนไปยังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าหากยังใช้คนอย่างนายสุรพงษ์ ต่อไปจะยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟให้ประชาชนออกมาชุมนุมมากขึ้น และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีทางไปถึงเป้าหมายที่วางไว้
ด้านนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้รัฐบาลหยุดพฤติกรรม “4 ก.” ประกอบด้วย 1. ก้าวร้าว ด้วยการใช้กำลังสลายการชุมนุมเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์และการให้สัมภาษณ์ของแกนนำรัฐบาล เช่น รมว.มหาดไทยที่ระบุว่าควรนำผู้ชุมนุมไปยิงเป้า เป็นการแสดงความก้าวร้าวต่อคนไทยทั้งประเทศ 2. กดดัน เพราะรัฐบาลแล ะศอ.รส.กดดันทั้งข้าราชการ กปปส.และกกต.จนเพิ่มคู่ขัดแย้งมากขึ้นเรื่อยๆ 3. กลั่นแกล้ง การที่รัฐบาลและ ศอ.รส.แกล้งใส่เกียร์ว่างไม่เร่งดำเนินคดีการปาระเบิดใส่ผู้ชุมนุม แต่กลับบิดเบือนข้อมูลให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อผู้ชุมนุม และ 4. โกหก โดยกรณีใหญ่ที่สุดคือการที่นายกรัฐมนตรีโกหกระดับโลกกับนายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ เป็นการซ้ำเติมวิกฤตในไทย จึงต้องหยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ แต่ถ้ายังมีพฤติกรรมเช่นนี้ทั้งรัฐบาลและ ศอ.รส.จะไม่มีที่ยืนในประเทศไทย
