ข่าวปนคน คนปนข่าว
เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญซ้ำอีกจนได้ เมื่อมือมืดปาระเบิดและลอบยิงกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กลางวันแสกๆ เมื่อวานนี้คล้อยหลังจากสองวันก่อน ที่คนร้ายปาระเบิดสังหารถล่มใส่กลุ่มม็อบที่มีหัวหน้าม็อบอย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เป็นคนนำขบวนด้วยตัวเอง ขณะผ่านบริเวณถนนบรรทัดทอง
เหตุการณ์ร้ายยิ่งอุกอาจร้ายแรงท้าทายยิ่งขึ้นทุกวัน กลางคืนก็ลอบยิงเข้าใส่ที่ชุมนุม กลางวันก็โยนระเบิด
ถึงตอนนี้วิพากษ์วิจารณ์กันมาก พยายามสืบค้นแกะรอย ปมเงื่อนพิรุธว่า เป็นฝีมือฝ่ายใด ต้องการอะไร มีเสียงกล่าวหาโจมตีถาโถมจากพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงว่า กลุ่มกปปส. เป็นผู้สร้างสถานการณ์ขึ้นมาเอง
เรียกว่า แค่สิ้นเสียงระเบิดก็หลับหูหลับตาปักใจเชื่อทันที ไม่ได้ใช้สมองไตร่ตรองก่อนเลย
เหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ไม่น่าจะเป็นการโยนใส่กันเอง หากย้อนไปดูตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการชุมนุมเกือบตลอด 3 เดือน ส่วนใหญ่ก็เป็นไปด้วยความสันติ อหิงสา ซึ่งแนวทางนี้ได้รับการขานรับจากประชาชน ออกมาร่วมด้วยจำนวนมาก
คนทั่วไปไม่ได้มีความรู้สึก หรือมโนภาพได้ว่า ม็อบนี้เป็นพวกนิยมความรุนแรง ต่างจากพวกคนเสื้อแดงโดยสิ้นเชิง
และยิ่งชุมนุมนานวันเข้าๆ คนยิ่งมากๆ การนัดชุมนุมใหญ่ทุกครั้งก็มาล้นหลามทุกครั้งเช่นกัน หนำซ้ำยังทำลายสถิติเก่าไปเรื่อยๆ ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลความจำเป็นต้องเอาชีวิตและเลือดเนื้อประชาชน มาสร้างสถานการณ์เพื่อจะเรียกคนอีก
ยิ่งทำแบบนั้น อาจทำให้คนหดหายหวั่นเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมาอีกหรือไม่
ต้องย้อนถามกลับไปให้น้ำหนัก เป็นการระเบิดเพื่อข่มขู่ไม่ให้คนมาร่วมชุมนุมสถานการณ์เดียว
ส่วนที่วิเคราะห์ตีขลุมไปว่า เป็นการสร้างเหตุรุนแรง เพื่อกวักมือเรียกทหารออกมาปฏิวัตินั้นก็ไม่น่าจะใช่ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการก่อเหตุแบบจัดหนักมาหลายดอก ยิ่งช่วงค่ำคืนยิ่งเมามัน อาละวาดกันถี่ยิบ มือที่ 3 มือที่ 4 มากันเต็มไปหมด ยังไม่เห็นทหารเคลื่อนรถถังออกมาซักที ทำเท่าไหร่ ทหารก็ยังเฉย
สำคัญที่สุดคือ สถานการณ์ตอนนี้ รัฐบาลกำลังเดินเข้าสู่มุมอับ กลุ่มมวลชนแค่ประท้วงไปเรื่อยๆ เดี๋ยวรัฐบาลก็จนแต้มไปเอง วันนี้รัฐบาลเองที่เป็นคนที่แช่แข็งประเทศไทย หลับตาท่องแต่คาถาเลือกตั้ง คิดถึงแค่ว่าจะรักษาอำนาจอย่างไร แล้วจะกลับเข้ามาอย่างไร
แต่ส่วนอื่นๆ ง่อยเปลี่ยนเสียขาไปหมด การงานบริหารราชการต่างๆ เหมือนเป็นง่อย เศรษฐกิจก็ดิ่งเหวลงทุกวัน โดยเฉพาะปัญหาปากท้องชาวบ้าน
วันนี้มีม็อบชาวนาออกมาเรียกร้องเงินจากโครงการรับจำนำข้าวเต็มบ้านเต็มเมือง ยื่นคำขาดถ้ารัฐบาลไม่จัดการให้เรียบร้อยเตรียมตัวเจอม็อบพบม็อบ ปิดถนนปิดบ้านปิดเมืองเหมือน กปปส. และจะเคลื่อนขบวนมาร่วมกับ กปปส. ด้วย
เจอแบบนี้ รัฐบาลไปไม่เป็น มืดแปดด้าน รอวันพินาศไม่ช้าก็เร็ว ไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรมากมายเดี๋ยวก็แพ้ภัยตัวเอง
สภาพรัฐบาลตอนนี้กำลังดิ้นรนหนีตายสุดชีวิต เฮือกสุดท้ายเหมือนหมาอ่อนแรงกำลังจะจมน้ำ
ด้วยสภาวะแบบนี้กำนันสุเทพ ไม่น่าจะคิดรวบรัดจัดฉากสร้างเรื่องเลวๆ แบบนี้ แค่ยืนระยะยึดกทม.อีกไม่กี่คืน ก็ได้ประกาศชัยชนะแบบเต็มๆแน่
สุเทพ คงไม่โง่ที่จะฆ่าตัวตายด้วยวิธีการแบบนี้
ประเมินกลยุทธ์ของสุเทพ นับตั้งแต่เริ่มต้นม็อบมาจนถึงวันนี้ ทั้งการรักษามวลชน ระดมคนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยุทธวิธีการเคลื่อนทัพรุกคืบจนรัฐบาลล่าถอยไปหลายก้าวจนสุดกระดาน ถือเป็นเสนาธิการชั้นเซียน เรื่องทั้งหลายต้องผ่านการวางแผนคิดประเมินแผนการมาอย่างดี ฉะนั้น สุเทพ คงไม่คิดอะไรที่จะตายน้ำตื้นแน่
ที่น่าสงสัย น่าจับตามากกว่านั่นก็คือ ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหลบหนีคดี น่าจะเป็นคนทำผิดคิดชั่วได้มากกว่า เพราะไม่มีอะไรจะเสีย และสันดานเดิมก็รู้กันดี คนๆนี้ไม่มีศีลธรรมอยู่แล้ว ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองปรารถนา
หลายครั้งหลายหนเราจะได้เห็นตามบริบทที่ว่า เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล ผู้คนรอบกายมีใครที่ทักษิณสนิทใจ นอกจากคนในตระกูลโคตรเหง้าเท่านั้น ใครเด่นขึ้นมาเทียบเท่า ก็มองเป็นศัตรู ตัดหัวคั่วแห้งทิ้งไป อย่าง ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นต้น
หรือสั่งฆ่าคนที่อ้างเป็นขบวนการยาเสพติด 2800 ศพ ก็ทำมาแล้ว นับประสาอะไรกับมวลชน ประชาชนคนทั่วไป นช.แม้ว มองเป็นผักปลา หมากเบี้ยตัวหนึ่ง เสียหายตายไปก็ไม่มีผล ไม่มีราคาอะไร และเมื่อดูหมากเกมตอนนี้ ประเมินแล้วเป็นรองหลายชั้น ตัวช่วยต่างๆ ที่จะทำให้สถานการณ์กู้ขึ้นมาได้ก็มองไม่เห็นเลย
ฉะนั้นเลือดอาจเข้าตา ทนสุมความคั่งแค้นเอาไว้ไม่ไหว เลยใช้ยุทธวิธีความรุนแรงสร้างความกลัวให้กับฝ่ายต่อต้าน โดยมีตำรวจชั่วบางกลุ่มบางคนเป็นมือเป็นไม้ให้กับขบวนการใต้ดินที่จัดเตรียมไว้ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อปี 2553
เป้าหมายคือ บังคับให้คนไทยการเดินเข้าสู่คูหาเลือกตั้งให้ได้ ทั้งๆที่รู้ว่ากำลังเดินเข้าสู่ขวากหนามที่อาจอันตรายยิ่งกว่า แต่ก็คิดได้แค่นี้
สมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง บอกว่า “เลือกตั้งคราวนี้ เป็นครั้งที่ยากที่สุดตั้งเคยมีกกต.มา ในภาวะที่สถานการณ์ไม่ปกติถ้าดึงดันให้มีการเลือกตั้งต่อไป เราก็จะเห็นนรกอยู่ตรงหน้าอาจถึงขั้นก่อการจลาจล หากไม่สามารถนับคะแนน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อแค่เพียงหน่วยเดียว จะส่งผลให้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 125 คน ไม่สามารถประกาศรายชื่อได้”
เหตุการณ์คล้ายๆ วันรับสมัครเลือกตั้ง ทั้งส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และระบบเขต ย้อนกลับมาอีกแน่ การปิดล้อมขัดขวางไม่ให้สมัครเลือกตั้งในรูปแบบเดิมที่ยังไม่ผ่านการปฏิรูป ไม่รู้จะดันทุรังฝ่าด่านไปทำไม
กระนั้นก็ตาม ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะรอดถึงตรุษจีนนี้รึป่าว เพราะที่เห็นตอนนี้โดนหนักมากทั้งป.ป.ช. ก็ให้สอบสวนยิ่งลักษณ์นายกฯ จอมกรรเชียงหนีปัญหา เรื่องทุจริตจำนำข้าว ประเด็นนี้ผิดแน่นอน เอาแค่ชื่อโครงแล้วที่ทำอยู่มันเป็นการซื้อขายแต่กลับบอกว่าเป็นการจำนำเงินแผ่นดินละลายหายไปแล้ว 4-5 แสนล้านบาท
แต่ชาวนายังไม่ได้เงินเลย แล้วเงินมันหายไปไหน ทุจริตกันเห็นๆ
ยิ่งลักษณ์ ต้องโดนทั้งข้อหาผิดระเบียบ และทุจริตแน่ ถ้าป.ป.ช.ไม่เป็นตกเป็นเครื่องมือใคร ไม่ตกเป็นขี้ข้าของทักษิณ
อดทนรอดูกันอีกไม่นานแน่นอน รัฐบาลต้องยอมจำนนในที่สุด จากนั้นคงเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในบ้านเมืองก็ขอเอาใจช่วยให้มันเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉมไปในทิศทางที่ดี !!