ข่าวปนคน คนปนข่าว
ยังเถียงคำไม่ตกฟาก ยันหลักการกันอยู่ ระหว่างปฏิรูปการเมืองก่อนเลือกตั้ง หรือเลือกตั้งก่อนแล้วค่อยมาปฏิรูป หาจุดลงตัวเป็นคำตอบได้ยากยิ่ง เพราะถ้าไม่ขาวก็ต้องดำไปเลย หาจุดกึ่งกลางไม่เจอ
รัฐบาลยุบสภาและมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งออกมาแล้วในวันที่ 2 ก.พ. 57 ต้องบอกตามตรงว่า ถือไพ่เหนือกว่า อ้างได้ว่าอยู่บนหลักการ อยู่ในเกมกติการัฐธรรมนูญ ช่วงนี้ก็เตรียมตัวรณรงค์ให้มีการเลือกตั้ง เดินไปนิ่งๆ มึนๆ ทำทีว่าเงี่ยหูฟังฝ่ายต่างๆ ในเรื่องการปฏิรูปแนวทางนั้นแนวทางนี้ แต่ในใจคงไม่สน เดินหน้ามุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งของกูอย่างเดียว !!
ท่องคาถาอย่างเดียวเลือกตั้ง วันที่2 ก.พ. ใครพยายามขัดขวางไม่ให้เลือก หรือแม้กระทั่งยื้อเวลาออกไป ก็จะออกมาชี้หน้าด่า เป็นตุ๊ดแต๋วแตก เสียจริต เสียกริยา ขณะที่ฝ่าย “คณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส.” ยืนการให้ปฏิรูปการเมืองก่อนการเลือกตั้ง เพราะหากปล่อยให้มีการเลือกตั้งในรูปแบบเดิมๆ ก็จะเต็มไปด้วยการทุจริต ซื้อสิทธิ์ขายเสียง ผลการเลือกตั้งออกมาในรูปแบบเดิมๆ ที่ระบอบทักษิณจะเข้ามากินเมือง ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
จำเป็นต้องตั้ง “สภาประชาชน”ขึ้นมาเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์กันเสียใหม่ก่อน เพียงแต่ว่าหลักการนี้มีเสียงขานรับยังอ้อมแอ้ม หนึ่งคือไม่มีกฎหมายรองรับ และสองคือ ไม่เชื่อมั่นเหมือนกันว่าจะเป็นการปฏิรูปการเมืองได้อย่างแท้จริง จะเป็นการเอาพวกเขาออก แล้วเอาพวกเราเข้าไปแทนแต่ฝ่ายเดียวหรือไม่
ตอนนี้โมเดลที่เปิดออกมายังไม่แจ่มชัด และลดความเคลือบแคลงของสังคมได้
ตรงนี้เป็นการบ้านที่“กำนันสุเทพ”ต้องไปทำอย่างเร่งด่วน เพราะเวลามันกระชั้นบีบรัดเข้ามาด้วยเงื่อนเวลาของการเลือกตั้งที่กำหนดไว้ แต่ดูทิศทางการตั้งสภาประชาชนแล้ว คงต้องใช้เวลานานกว่านั้น อาจยาวเป็นครึ่งปี 1 ปี ตามที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. บอก
อย่างไรก็ตาม การที่จะยืดเวลาเลือกตั้งออกไปก่อน เพื่อหาทางออกของปัญหาความขัดแย้งก็ยังควรจะทำ ถ้าทำได้ แล้วจับทุกฝ่ายมาคุยกันอย่างจริงจัง การปฏิรูปการเมืองอาจเกิดขึ้นในทิศทางที่น่าจะพอรับกันได้ทุกฝ่าย สำคัญคือต้องถอยกันบนจุดที่ตัวเองอยู่ตอนนี้คนละก้าว
ไม่ใช่ทำกันแบบวันนี้คู่ขัดแย้งคือ กปปส. กับ รัฐบาล เดินคนละเส้นทาง ใครร่วมเวทีไหน อีกฝ่ายไม่ไปเวทีนั้น เวทีที่ กปปส. นัด ผบ.เหล่าทัพ จัดทำเป็นเวทีสาธารณะ ก็ไม่มีตัวแทนฝ่ายรัฐบาล โดยกลุ่ม นปช. เสื้อแดงเผาเมือง ก็ออกตัวตั้งแต่ไก่โห่แล้วว่า ถ้าเป็นเวทีทหาร ก็จะไม่ไปก็ทำตัวเป็นอันธพาลขวางโลก แบบนี้ไงบ้านเมืองถึงไม่ไปถึงไหน
ส่วนเวทีรัฐบาล ที่ ธงทอง จันทรางศุ มานั่งหัวโต๊ะ ก็มีคำถามตั้งแต่แรก แล้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตีกรรเชียงไปไหน ทำไมไม่มานั่งด้วยตัวเอง มันเลยขาดความขลัง ตั้งแต่เริ่มชาวบ้านก่นด่า ทุเรศทุรัง
สุดท้ายก็กลายเป็นเวทีปาหี่เหมือนเดิม เพราะไม่มี กปปส. ไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ การพูดจากันก็เหมือนไร้ความหมาย เหมือนพูดกันในวงน้ำชากันเอง คล้ายเวทีปฏิรูปของรัฐบาลก่อนหน้านี้ ที่วันนี้เงียบเป็นเป่าสาก เปลืองงบประมาณฟรี ๆ
เตือนก็ดันทุรัง หวังสร้างภาพเท่านั้น แต่ภาพกลับยิ่งเสียมากกว่าได้..
ความเห็นไม่ตรงกันเวทีปฏิรูป เวทีเสวนาก็ไม่ร่วมกัน แล้วจะคุยกันรู้เรื่องเมื่อไหร่ สุดท้ายก็ไม่มีทางออก มีบางความเห็นให้เดินเกมแบบ “คู่ขนาน” ใครคิดว่าแนวทางของตัวเองดีอย่างไรก็ทำไป อย่างนั้นรัฐบาลบอกเลือกตั้งดี ก็เดินหน้าให้มีการเลือกตั้งไป กปปส. บอกว่าปฏิรูปดี ก็เดินหน้าทำของตัวเองไป ฟังแล้วก็ดูดีทางใคร-ทางมัน แต่ทำยากฉิบ !!
ประเทศไทยมีประเทศเดียวจะแบ่งแยกกันเอาคนละส่วนหรืออย่างไร อีกฝ่ายไม่อยากเลือกตั้ง แล้วจะต้องไปกาบัตรลงคะแนนด้วยหรือไม่ อย่างไร วันนี้ที่น่าสงสัย และไม่แน่ใจในจุดยืนคือ พรรคประชาธิปัตย์จะเอาอย่างไรกับการเมืองข้างหน้านี้ จะลงเลือกตั้งหรือบอยคอต จะไปร่วมแนวทางสภาประชาชนอย่างเต็มที่หรือไม่ หรือเล่นแทงกั๊ก รอกระโดดใส่แนวทางไหนก็ตามที่ตัวเองได้ประโยชน์เหมือนอย่างเคยมา
ความขัดแย้งภายในเริ่มแดงออกมาภายนอกเรื่อยๆ สมาชิกพรรคไม่เห็นด้วยกับแนวทางลาออกยกพรรคก่อนหน้านี้ เพราะถ้าลงเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง คราวนี้ก็ดูตลก จะเอายังไงกับระบบเลือกตั้ง ชอบหรือไม่ชอบ ชักเข้าชักออกเหมือนคนไม่มีจุดยืน หรือถ้าบอยคอตไปเลย ก็กลัวคนด่าคุณไม่ศรัทธาระบบเลือกตั้งแล้วกระนั้นหรือ ???
อยู่ในภาวะเดินหน้าก็เจ๊ง ถอยก็ตาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ตอนนี้หลีกไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ไม่เห็นออกมาพูดพล่ามทำเพลง
มีคำถามเกิดขึ้นมากมายกับพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้ง กปปส. เอง ตอนนี้เดินหน้าเปิดมุกโมเดลสภาประชาชนเต็มที่ ไม่มีตัวเลือกอื่นหรือมีเกมใหม่อื่นใด ด้วยเพราะความคิดว่ากำลังเดินทางมาถูกต้องที่จะมีหลายฝ่ายสนับสนุน โดยเฉพาะ “เหล่าทัพ”
เมื่อวันนี้สัญญาณชักเริ่มแปลกแปร่ง ทหารไม่รับมุก รับส่งไม้เหมือนอย่างที่หวังใจไว้ เหล่าแม่ทัพ นายกอง หัวขบวนของกองทัพต่างๆ จับมือแพ็กกันแน่น ไม่กล้าประกาศยืนข้างผลประโยชน์ประชาชน
บิ๊กทหาร ขอใส่กางเกงตัวเดียวกับทักษิณเหมือนเดิม แต่อีกข้างก็ยื่นมาใส่กางเกงตัวเดียวกับสุเทพอยู่ รอจังหวะจะถอดมาใส่ของคนใดคนหนึ่ง เมื่อการข่าวรู้ผลแพ้ชนะแน่ชัดแล้วเท่านั้น ไม่อยากเสี่ยงทำการใดๆ ถือดุลอำนาจแบบนี้ไว้ดีกว่า
ฉะนั้น เหล่าบิ๊กทหารจึงออกมายืนแสดงตัวกลางๆ เป็นกรรมการช่วยไกล่เกลี่ยให้บ้านเมือง ทิศทางจะเป็นอย่างไรการเมืองไปว่ากันเองเสนอให้มีคนกลางมากำกับดูแลการเลือกตั้ง เมื่อเป็นดังนี้ งานยากก็ย่อมตกอยู่กับ “เทพเทือก”เพราะกองทัพเลือกเล่นบทตามน้ำ ไม่ฝืนกติกาความฝันที่จะชะลอการเลือกตั้งเพื่อสร้างสภาประชาชน ส่อแท้ง กลายเป็นหมันหนทางดูตีบตันขึ้นเรื่อยๆ
กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง “กำนันสุเทพ”อาจต้องเลือกหนทางชุมนุมกดดันต่อเนื่องไป อาจเป็นระยะเวลายาวนานข้ามปี ถ้าลงตอนนี้ก็มีโอกาสสูงที่จะไปนอนในคุก ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือไปเลย เป็นช่วงที่อยากเอาใจช่วย“กำนันสุเทพ”จริงๆ !!!