ข่าวปนคน คนปนข่าว
ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแบบจานด่วน “ลักหลับ”ผ่านสภาล่างไปตอนช่วงค่ำมืด อาศัยลูกชุลมุน ลุยกันตอนตี 3 ตี 4 ร่างแก้ไขสอดไส้ตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นักโทษหนีคดีทุจริต
โดยไม่สนใจว่าใครจะได้อานิสงส์บ้าง แม้กระทั่งเสื้อแดงออกมาเย้วๆ ไม่เห็นด้วย แต่ไร้ผล บัญชานายใหญ่สำคัญเหนืออื่นใด
ก่อนหน้านี้เสียงคัดค้านจากฝ่ายต่อต้าน นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ดังอื้ออึง ไม่เว้นแม้แต่คนกันเองอย่างแกนนำนปช. เกิดคำถามขึ้นในใจมวลชนคนเสื้อแดงว่า ทำไมต้องนิรโทษให้คนสั่งสลายชุมนุม ทั้งๆที่รณรงค์มาตลอดว่าไม่เอาแนวทางนี้ นั่นก็เพราะถ้ายกเว้นตรงนี้ “ทักษิณ”อาจไม่ได้อานิสงส์ด้วย
จะเอาแต่ได้ฝ่ายเดียวใครจะยอม
ส.ส.นปช. คิดหนักจนนอนไม่หลับไปหลายวัน ว่าจะยอมโหวตตามบัญชานายใหญ่ หรือยืนเคียงข้างมวลชน หากไม่เอาตามนายใหญ่ ไม่เอาตามมติพรรค ก็อาจโดนหมายหัวไม่ส่งลงสมัคร ส.ส.ครั้งหน้า แต่หากโหวตไปตามพรรค ก็เสี่ยงเสียคน เสียจุดยืน
แต่ที่สุดแล้วส่วนใหญ่ก็เลือกทำตามมติพรรคยอมจำนนต่ออำนาจ ทุเรศสิ้นดี !!
เหลือเพียงแกนนำแดง 3-4 คน ที่งดออกเสียง แต่หลายคนมองว่าแค่งดออกเสียงไม่พอ ต้องโหวตสวน วันนี้แกนนำนปช.ส่วนใหญ่ล้มละลายทางความเชื่อถือจากคนเสื้อแดงไปแล้ว หมดค่า ไร้ราคา
กลายเป็นหมาขี้เรื้อนเครื่องมือของพ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนเมื่อครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยพูดว่า พี่น้องเสื้อแดงมาส่งผมถึงฝั่งแล้ว จากนี้จะเดินไปต่อเอง
น่าสนใจว่าบทบาทของคนเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทยหลังจากนี้จะผสมผสานกันลงตัวเหมือนเก่าหรือไม่ เมื่อพรรคเพื่อไทยสลัดทิ้งเสื้อแดง ไม่สนคนที่ยอมเสียสละ เจ็บปวด เพื่อเป็นบันไดไต่ขึ้นเป็นรัฐบาล หากวันหนึ่งวันใดรัฐบาลต้องล้มไปด้วยวิธีไม่ปกติ หรือโดนกระบอกปืนจ่อหัว มวลชนจะออกมาปกป้องช่วยเหลือเต็มที่หรือไม่ หรือจะทิ้งพรรคเพื่อไทยบ้างเหมือนที่โดนทิ้งในวันนี้
หันไปดูฟากฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาลุยต้านกฎหมายนิรโทษกรรมนอกสภา ปลุกม็อบหยุดกฎหมายโกงล้างผิดให้นักโทษ ปักหลักที่สถานีรถไฟสามเสน ทำท่าขึงขัง ลั่นวาจากับมวลชนจะสู้จนกว่าจะชนะ ตายคาเวที ประกาศลาออกจากกรรมการบริหารพรรค รองหัวหน้าพรรค มานำมวลชน
แต่ทำไมไม่ลาออกจากส.ส.ให้รู้แล้วรู้รอด ที่อ้างว่าต้องเหลือตำแหน่งไว้สู้ในสภา ถามว่า สู้แล้วชนะหรือไม่ ก็รู้อยู่แก่ใจ แต่หวงตำแหน่งไว้เพื่อรอจังหวะ “ส้มหล่น”พลิกขั้วมากกว่า แค่ก้าวแรกก็เยี่ยวไม่สุด ดูแล้ววังเวง ไร้ความน่าเชื่อถือ !!
การออกมาปลุกเร้ากับประชาชนข้างถนน ดูแล้วไม่ต่างจากการหาเสียงเอาคะแนนตอนเลือกตั้ง เพียงแต่ใส่อารมณ์ ประดิษฐ์คำพูดให้ดูก้าวร้าว รุนแรง ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น หรือทำได้จริงๆ ก็แค่นั้น
อย่างว่า นำม็อบแบบมือสมัครเล่นมันก็ทำได้เท่านี้ เปรียบเทียบกับการนำของ สนธิ ลิ้มทองกุล - จำลอง ศรีเมือง อดีตแกนนำพันธมิตรฯ เหมือนผู้ใหญ่กับเด็กอมมือ
คนนินทาหมาดูถูก ออกมาแบบนี้ อย่าออกดีกว่า เพราะภาพที่เห็นเหมือนยังสลัดสูทหล่อๆไม่ได้ เหมือนเดินหน้าไม่เต็มสูบ แทงกั๊ก รอจังหวะ รออะไรบางอย่าง เล่นแบบนี้ทำงานใหญ่สำเร็จยาก เป้าหมายไม่ชัด เหยียบเรือสองแคมก็ไปไม่รอดหรอก
จะหวังว่ากระบวนการสภาสูงจะสกัดไว้ได้ กระตุก ส.ว.ให้ช่วยขัดขวางกฎหมายนิรโทษกรรม ก็รู้อยู่แล้วว่าผ่านแน่ๆ หรือท้ายที่สุดพิจารณาร่วม 2 สภา ก็ผ่านฉลุย ฉะนั้นจะมาโอดครวญหาพระแสงอะไร
แล้วเมื่อเรื่องเข้าสู่องค์กรอิสระ เข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องว่าไปตามผิดถูก ใช้อำนาจเกินเลยยับยั้งไม่ได้หรอก พรรคประชาธิปัตย์อาศัยคนอื่นจนเคยตัว ทำอะไรเองไม่เป็นแล้ว เคยสำรวจตัวเองบ้างหรือเปล่า กระจอกงอกง่อยลงทุกวัน ใครจะฝากความหวังได้ !!
ยุทธวิธีการเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ เกิดข้อสงสัยในหลายแง่มุม แค่อุ่นเครื่องรอการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ กำลังเลี้ยงกระแสให้สุกงอมกว่านี้หรือเปล่า รอจังหวะการพิจารณาคดีเขาพระวิหารของศาลโลกหรือไม่ รอกลุ่มมวลชนต่างๆ ออกมาเยอะๆ แล้วค่อยเฮโลตามไปหรือเปล่า
ไม่มีความกล้าหาญที่จะเป็นผู้นำ จุดพลุเริ่มก่อน ทั้งๆที่สถานการณ์ตอนนี้มันร้อนที่สุด สุกงอมที่สุด เหมาะแก่การชักธงรบกว่าตอนไหน อุณหภูมิร้อนยิ่งกว่าปี 2549 ด้วยซ้ำ พฤติกรรมออกกฎหมายล้างผิดคนโกง ลักหลับข่มขืนใจประชาชน ให้รับกฎหมายแบบนี้ โจรปล้นบ้าน คืนวันปล่อยผี
มันน่ากระทืบที่สุดแล้ว !!
พรรคประชาธิปัตย์ยังแทงกั๊ก ไม่เดินหน้านำมวลชนออกมาสู้เต็มตัว หวังฟลุ๊กพลิกขั้วเปลี่ยนข้าง ยังหวังจะเข้าไปสู้ในสภาอีก เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ช่วงปลายเดือนนี้ แต่ต้องบอกว่าการต่อสู้ตอนนี้มันรวนเร ซวนเซ ไปหมด ยังหวังให้เกิด “เหตุการณ์พิเศษ”
หวังการยุบสภาแล้วก็เพ้อฝันกันไปว่า จะชนะพรรคเพื่อไทยได้ ไม่รู้หลงภาพมายาอะไรถึงเพ้อเจ้อแบบนั้น กลับมาอยู่กับความเป็นจริงดีกว่า เพราะดูแนวทางการทำพรรคแล้ว ไม่มีอะไรจะไปเอาชนะเขาได้เลย และถึงแม้จะยุบสภาไปก็ยับยั้งกฎหมายล้างโกงนี้ไม่ได้
ชั่วโมงนี้แนวร่วมกลุ่มต่างๆ มองเข้ามายังม็อบสามเสนด้วยความเอือมระอา พึ่งหวังอะไรแทบไม่ได้ อดีตกลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศเลิกถ่ายทอดสดเวทีสามเสน เพราะมองว่าเป็นม็อบปาหี่ มวยล้ม ไม่จริงใจนำมวลชน จะยกระดับก็ไม่ยก ต้องรอให้คนอื่นยกก่อน เอาแต่ฝากความหวังคนอื่น ยุทธวิธีชุมนุมจิ๊บจ๊อยเหมือนหาเสียงเลือกตั้ง ไร้ทิศทาง ไร้ความเด็ดขาด ยังไม่พร้อมละทิ้งอำนาจ
สันดานนักการเมือง มักคิดถึงเรื่องผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าบ้านเมืองการเคลื่อนไหวมันเลยฟ้องออกมาโต้งๆ แบบนี้ ฟันธงเลยว่า ผู้ร่วมชุมนุมคงจะอ่อนล้าลงไปเรื่อยๆ ถ้าไม่มีสถานการณ์อื่นใดมาปลุกเร้า ลำพังปลุกกันเองก็คงไม่ขึ้นแน่
ต้องยอมรับว่าชั่วโมงนี้ม็อบที่อุรุพงษ์ ยังดูดีมีภาษีกว่า คนจะไปร่วมไปที่นั่นดีกว่า อย่างน้อยก็แน่ใจได้ว่า ไม่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองขณะที่กลุ่มต่างๆ ที่เริ่มออกมา อยากทำกันด้วยใจ แยกส่วนไปทำกันเองยิ่งสะท้อนชัดว่า ไม่สนิทใจที่จะไปร่วมเวทีกับประชาธิปัตย์ ที่ยังกั๊ก กล้าๆ กลัวๆ
บอกว่า 10 โมงเช้าวันจันทร์นี้ จะยกระดับการต่อสู้ ก็ขอให้จริงเถอะ เลิกแทงกั๊กเสียที เทพเทือกประกาศกร้าวบนเวทีสามเสน เมื่อวันก่อนว่าจะสู้ไม่ถอย ไม่ชนะไม่เลิก จะนำชัยชนะมาให้ปวงชนชาวไทย ก็หวังว่าจะไม่ใช่เสียงผายลมเหม็นๆ ของเทพเทือก จะยอมเชื่อดูอีกสักครั้ง ขอให้เอาจริงเถอะ "มฤตยูดำ"
ถ้าขืนเล่นปาหี่แหกตาประชาชนต่อไปก็คงไม่ต้องสงสัยถึงเหตุที่ยักแย่ยักยัน เคลื่อนไม่เต็มสูบแบบนี้ นั่นเป็นเพราะ “มาร์ค-เทือก”รอรับอานิสงส์อยู่ ออกมาปลุกม็อบแบบปากกล้าขาสั่น เนื่องจากถ้าต้านกฎหมายสำเร็จ ตัวเองอาจต้องไปนอนในคุก คิดแล้วก็เสียงสันหลังวาบ !!!