ว่าที่รอง หน.ปชป.ย้ำเลือกตั้งวุ่นไม่ปกติ ฝืนไปมีการไม่ยอมรับ พิสูจน์แล้วไม่ยุติปัญหา ไม่ชอบธรรมให้รัฐกลับสู่อำนาจ ยันต้องฟังเลื่อนเลือกตั้ง ชี้อย่าให้สูญเปล่า ย้อนรัฐต่ออายุมั่นคงส่อให้เห็นเลือกตั้งไม่เป็นที่ยอมรับ ติงปฏิรูปนายกฯไม่จริงใจ มีผลแค่ถึงเลือกตั้ง หวังต่ออายุรัฐ แก้ผ้าเอาหน้ารอด ฉะดึงกองทัพร่วมปาหี่ ไม่ถามความยินยอม เย้ยคือปฏิลวง จี้นายกฯ ทบทวน
วันนี้ (26 ธ.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ว่าที่รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้กระบวนจัดการเลือกตั้งไม่ปกติและจะนำไปสู่สาเหตุให้เกิดความวุ่นวายมากขึ้น แม้จะเดินหน้าไปถึงวันที่ 2 ก.พ. 57 ได้ ก็จะมีการไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งตามมา ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาไม่มีวันสิ้นสุด และการไม่ยอมรับกระบวนการเลือกตั้งเริ่มจากการรับสมัครไปจนถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนั้นไม่สามารถทำให้การเลือกตั้งยุติปัญหาอย่างที่รัฐบาลต้องการได้ เพราะรัฐบาลหวังว่าประกาศเลือกตั้งแล้วจะยุติปัญหาได้ แต่วันนี้พิสูจน์แล้วว่าแทนที่การเลือกตั้งจะยุติปัญหาเพื่อให้ตัวเองกลับมามีอำนาจทำไม่ได้แต่เพิ่มปัญหาซับซ้อนขึ้นมา อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่ออีกหลายภาคส่วนของสังคม ดังนั้นการเลือกตั้งจึงไม่สามารถสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลกลับเข้ามามีอำนาจอีก
“เพราะฉะนั้น เสียงเรียกร้องจากส่วนต่างๆ ของสังคม คือ ขอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน ยังเป็นเรื่องที่ กกต.และรัฐบาลต้องรับฟัง ผมเชื่อมั่นว่าสามารถเลื่อนการเลือกตั้งได้ กกต.และรัฐบาลต้องร่วมมือกันหาทางออกเพื่อให้มีการเลือกตั้งที่ประชาชนยอมรับ ไม่ใช่ปล่อยให้มีการเลือกตั้งแบบผิดปกติอย่างทุลักทุเล ไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งนี้จะสูญเปล่ามีปัญหาต่อเนื่องไม่หยุด เพราะครม.มีการต่ออายุการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเพิ่มเติมจนถึงวันที่ 1 มีนาคมปีหน้า แสดงว่าประเมินแล้วว่าการเลือกตั้ง 2 ก.พ.จะไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน จึงมีการขยายเวลาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงใน กทม.และบางจังหวัดในเขตปริมณฑล หากยังเดินหน้าเช่นนี้จะก่อให้เกิดวิกฤตในชาติ แต่ถ้าเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก็จะทำให้การปฏิรูปประเทศเกิดขึ้นได้จากการยอมรับของทุกฝ่าย”
ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศตั้งสภาปฏิรูปประเทศนั้น นายองอาจกล่าวว่า มีเสียงต่อต้านจากทุกภาคส่วนเนื่องจากรัฐบาลไม่มีความจริงใจในการปฏิรูปครั้งนี้ รัฐบาลใช้การปฏิรูปประเทศมาต่ออายุรัฐบาลเพื่อรักษาอำนาจให้นานที่สุด รัฐบาลหวังว่าการเลือกตั้งคือกระบวนการช่วยต่ออายุรัฐบาล เมื่อเห็นคนค้านจึงพยายามจัดปฏิรูปคู่ขนานเลือกตั้งหวังว่าจะได้รับการยอมรับจากสังคม แต่คงไม่เป็นจริงเพราะทันทีที่นายกฯ แถลงเสร็จก็ได้รับการปฏิเสธจากคนในสังคมจำนวนมาก เนื่องจากเป็นการแก้ไขปัญหาการเมืองของรัฐบาลมากกว่าการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง การออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีตั้งสภาปฏิรูปจะไม่ประสบผลสำเร็จอย่างแท้จริง เพราะคำสั่งดังกล่าวจะสิ้นสุดภายในเดือนกว่านับจากนี้ไปโดยสิ้นสุดตามอายุของรัฐบาลชุดนี้ หากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้วไม่สานต่อ หรือแม้รัฐบาลเพื่อไทยกลับมามีอำนาจก็อาจถ่วงเวลาอ้างว่าประชาชนเลือกให้เป็นรัฐบาลแก้ปัญหาอื่น
ดังนั้น การเร่งรีบดำเนินการดังกล่าวไม่มีประโยชน์ต่อชาติในระยะยาว เป็นการแก้ผ้าเอาหน้ารอด หวังประโยชน์เฉพาะหน้ามากกว่าการปฏิรูปประเทศ และรัฐบาลกำลังถลำลึกมากกว่าปกติ เพราะกำลังดึงกองทัพมาค้ำบัลลังก์รัฐบาลด้วยการให้ผู้นำกองทัพเข้าไปเป็น 11 อรหันต์คัดเลือกบุคคลเข้ามาเป็นสภาปฏิรูป โดยไม่สอบถามความยินยอมพร้อมใจจากผู้ที่ถูกระบุให้เป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหา 11 คน หากไม่ได้รับการยอมรับก็จะก่อให้เกิดปัญหาอีกประเด็นหนึ่ง
“การปฏิรูปที่รัฐบาลนำมาใช้เป็นลูกไม้ตื้นๆ และปาหี่ทางการเมืองอีกครั้ง จึงไม่ใช่ปฏิรูป เป็นปฏิลวง ลวงทั้งตัวเองและสังคม เพราะฉะนั้นจึงหวังว่าเวลาที่เหลืออยู่ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะต้องทบทวนอย่าปล่อยให้ชาติถลำลึกสู่วิกฤตมากกว่านี้ เพราะละครฉากใหม่ที่พยายามสร้างขึ้นจะมีแต่สร้างปัญหาให้รัฐบาลมากขึ้น ไม่เชื่อให้ดูจุดจบเพราะจะไม่เป็นอย่างที่พวกท่านพึงประสงค์อย่างแน่นอน” นายองอาจกล่าว