กอ.รมน.ชี้เป้าหมายโจรใต้เน้นพื้นที่เศรษฐกิจ-โยงเหตุบึ้มสะเดาใช้รถปล้นจากปัตตานี

โฆษก กอ.รมน.แจงผู้ก่อความไม่สงบพยายามก่อเหตุช่วงสิ้นปี เน้นเขตชุมชนเศรษฐกิจ ขอความร่วมมือประชาชนร่วมกันสอดส่องดูแล เชื่อเหตุระเบิดที่สะเดามีแนวโน้มตอบโต้จากกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย โยงรถยนต์ที่นำมาใช้ปล้นมาจาก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

วันนี้ (23 ธ.ค.) พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า ตามที่ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ได้ชี้แจงมาตรการรักษาความปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่ไปแล้วนั้น สืบเนื่องจากข้อมูลด้านการข่าวที่ได้รับอย่างต่อเนื่องว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีความพยายามที่จะก่อเหตุในช่วงระยะเวลาดังกล่าว โดยเฉพาะในเขตชุมชนเศรษฐกิจ ได้แก่ อ.สุไหงโก-ลก, อ.ตากใบ, อ.เมือง จ.นราธิวาส, อ.เบตง, อ.เมือง จ.ยะลา, อ.เมือง จ.ปัตตานี และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ .ในฐานะรอง ผอ.รมน.ได้แสดงความห่วงใยในความปลอดภัยของประชาชนและได้กำชับให้หน่วยงานด้านความมั่นคงกำหนดมาตรการเข้มงวดกวดขัน พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนควบคู่กันไป ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเทศกาลปีใหม่ จึงขอความร่วมมือประชาชนร่วมกันสอดส่องดูแล หากพบเห็นวัตถุต้องสงสัย หรือพฤติกรรมใดผิดปกติ กรุณาแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ที่สุดเข้าไปดำเนินการป้องกันแก้ไขตามขั้นตอนต่อไป

สำหรับการก่อเหตุระเบิดในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา จำนวน 3 จุด เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น พ.อ.บรรพตกล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีความยืดหยุ่นกว่ากฎหมายปกติ กล่าวคือมีการเปิดโอกาสให้ผู้หลงผิดหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากกลับใจเข้ามอบตัว ศาลอาจมีคำสั่งให้เข้ารับการอบรมแทนการฟ้องได้ ดังนั้น พื้นที่ อ.สะเดา จึงต้องบังคับใช้กฎหมายอาญาตามปกติ กรณีการลอบวางระเบิดครั้งนี้ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญและสร้างความปั่นป่วนทำให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน เข้าข่ายความผิดฐานก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา ม.135/1 วรรค 3 ต้องระวางโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 20 ปี ซึ่งการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดอยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนสาเหตุมีแนวโน้มว่าจะเป็นการตอบโต้จากกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายมากกว่าประเด็นอื่น โดยล่าสุดได้รับการยืนยันแล้วว่า รถยนต์ที่ถูกนำมาใช้ประกอบระเบิดแล้วก่อเหตุที่บริเวณด้านข้างของโรงแรมโอลิเวอร์นั้น คนร้ายได้ปล้นมาจาก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา อันเป็นการยืนยันว่ากลุ่มคนร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายในลักษณะเกื้อกูลต่างตอบแทนซึ่งกันและกัน ทำให้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จนถึงทุกวันนี้