“บรรหาร” ปฐมนิเทศว่าที่ผู้สมัคร ชทพ. ยืนยันต้องเดินหน้าเลือกตั้ง อนาคตจะเป็นอย่างไรไม่สนใจ โวหากได้เป็นรัฐบาลจะปฎิรูปประเทศให้เสร็จใน 1 ปี คุยหลังเปลี่ยนเข่าใหม่แข็งแรงสู้ศึกได้เต็มที่
นายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ปราศรัยกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในงานปฐมนิเทศว่า เมื่อมีพระราชกฤษฎีการการเลือกตั้ง เราก็ต้องทำตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้พรรคได้จัดทำรายชื่อผู้สมัครบัญชีรายชื่อ 125 คนแล้ว บอกให้ก็ได้ว่า นายบรรหาร เบอร์ 1 โดยจะถือธงนำหน้าขี่ม้าสีหมอกไปหาเสียงทุกภาค
“วันนี้เราต้องเดินหน้าเลือกตั้ง อนาคตอย่างไรก็ว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นม็อบไหน ผมก็โดนหมด แต่ถ้าเป็นรัฐบาลเองก็คงจะหมดเรื่องหมดราว ซึ่งก็ไม่แน่ เพราะ 18 เสียงก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว แต่ยุคนี้ก็คงยาก ยอมรับว่าขณะนี้ตั้งพรรคใหม่ขึ้นมาแล้วเพื่อความไม่ประมาทจะถูกยุบพรรคอีก แต่ไม่บอกว่าเป็นพรรคไหน”
นายบรรหารกล่าวว่า ถ้าเป็นรัฐบาลจะทำนโยบายที่ให้ได้ทุกข้อ โดยเฉพาะเรื่องแหล่งน้ำทั้งหมดในประเทศไทย ไม่มีใครเก่งเท่านายบรรหาร และถ้าได้เป็นรัฐบาลก็จะปฏิรูปประเทศให้เสร็จภายใน 1 ปี และประกาศยุบสภา ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งตามที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนด ซึ่งถ้าใครใช้ตนเชื่อว่าทำเสร็จ เพราะในปี 2540 ตนเคยทำมาแล้ว องค์กรตามรัฐธรรมนูญทั้งหลายก็เกิดมาจากรัฐธรรมนูญปี 2540 ฉะนั้น อยากให้เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง
“ผมขอยืนยันว่าจะไม่ทิ้งพรรคจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และตอนนี้ได้ไปเปลี่ยนหัวเข่าแล้ว เตะคนได้แล้ว และแข็งแรงพอสมควร”
นายธีระ วงศ์สมุทร หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ชี้แจงนโยบายและยุทธศาสตร์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของชาติไทยพัฒนาว่า การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคชาติไทยพัฒนายึดคำขวัญ “ก้าวข้ามความขัดแย้ง ร่วมแรงปฏิรูปประเทศไทย” โดยพรรคมีกรอบนโยบายที่ชัดเจน ครอบคลุม 9 ด้าน เช่น การเมืองการปกครอง ด้านเศรษฐกิจ การศึกษา ต่างประเทศ การปฏิรูป โดยที่เด่นที่สุดและเราให้ความสำคัญเทียบเท่าด้านอื่นๆ คือ ด้านการเกษตร เพราะประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกร หากเกษตรกรมีรายได้ดีก็ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังผลักดันด้านการท่องเที่ยวและการปฏิรูปสังคม ตลอดระยะเวลาการทำงานการเมืองมาพรรคชาติไทยพัฒนายึดแนวทางการปรองดอง สามัคคี ไม่เคยทอดทิ้งเพื่อนในยามวิกฤติ ทั้งในสมัยร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือแม้แต่ปัจจุบันที่ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย เพราะเรายึดมั่นในสัจจะ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเราก้าวข้ามความขัดแย้ง
อย่างไรก็ตาม จะต้องเร่งปฏิรูปประเทศใน 3 ด้าน คือ การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยในด้านการเมืองจะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ การกระจายอำนาจ และจัดสรรรายได้สู่ท้องถิ่น การเอาจริงกับการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ด้านการเกษตรจะต้องลดความเหลื่อมล้ำ ให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรม การคุ้มครองที่ดินทำกินของเกษตรกร