“ชูวิทย์” โพสต์คลิปและภาพลุยตำรวจ-แก๊สน้ำตา โต้ข้อหาตีกิน ยันไปช่วยประชาชนทั้งที่ บช.น.-สะพานชมัยมรุเชฐ-แยกการเรือน แต่ไม่เผยตัวเพื่อเอาหน้า ลั่นไม่โกรธ “เจ๊ปอง” สั่งมวลชนไล่ เพราะอยู่แต่บนเวทีถึงทำให้เข้าใจผิด
วานนี้ (3 ธ.ค.) กรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย ได้ปรากฏตัวที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อแสดงความยินดีกับมวลชน แต่ น.ส.อัญชลี ไพรีรัก ประกาศให้นายชูวิทย์ออกจากพื้นที่ อย่ามาตีกินทั้งที่ไม่ได้ร่วมเหนื่อยกับประชาชน ส่งผลให้ผู้ชุมนุมจำนวนมากได้เข้าไปด่าทอและไล่ให้นายชูวิทย์ออกจากทำเนียบ
จากนั้นนายชูวิทย์ได้โพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว “ชูวิทย์ I'm No.5” ว่า “วันนี้ม็อบบุกเข้าทำเนียบฯ ประกาศชัยชนะ ประชาชนโห่ร้อง ผมไม่จำเป็นจะต้องตีเนียนออกหน้า เพราะทุกที่ที่ผมไป มีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน ไม่ว่าเป็นใคร จะชอบผมหรือไม่ จะด่าว่าผมอย่างไร แต่หน้าที่คือหน้าที่ นี่เป็นหลักฐานภาพถ่ายที่ผมไปมาทุกที่ เพียงแต่ผมไม่ได้เปิดเผยตัว ออกหน้าตีเนียนเหมือนคนบางคน เพราะปลอมตัวเข้าไป
วันก่อนใส่แว่นกันแก๊สน้ำตา ที่ปิดจมูก ผ้าชุบน้ำคลุมหัว ไปแถว บช.น. ไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นผม ยังเจอคุณกรณ์ยืนทำท่าเท่ๆ ตอน 3 ทุ่ม
อีกภาพเมื่อวานนี้ ที่สะพานชมัยมรุเชฐ และตอนเย็นไปห้ามทัพที่แยกการเรือน
หน้าที่ผมนั้น ไม่ได้สนับสนุนให้ใครทำร้ายประเทศไทย แต่มีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนตามหน้าที่ ผมไม่จำเป็นจะต้องไปเป็นแกนนำปราศรัยบนเวที ปรากฏตัวให้คนเขาเห็นเพื่อแสดงว่าผมเป็นพวก หรือไปเยี่ยมคนเจ็บตามโรงพยาบาล อย่างนั้นผมทำไม่เป็น
หน้าที่ของผมชัดเจนตรงไปตรงมา ใครจะว่าผมอย่างไร ผมยินดีรับฟัง แต่ขอให้รู้ว่าคุณยังไม่รู้จักผมดีพอ ผมเป็นคนไทย อ่อนมาผมอ่อนกลับ แรงมาผมแรงกลับ และผมไม่จำเป็นต้องไปเลือกข้าง แต่ผมช่วยคนไทยทุกคน
จากนั้น นายชูวิทย์ได้โพสต์คลิปที่เจ้าตัวได้เข้าไปช่วยห้ามทัพตำรวจกับประชาชนไม่ให้ทำร้ายกันที่แยกการเรือน (2 ธ.ค.) พร้อมเทียบกับเหตุการณ์โดนไล่ที่ทำเนียบรัฐบาล (3 ธ.ค.) พร้อมกับระบุว่า ผมไม่ได้อยู่บนเวที ไม่ได้เป็นแกนนำ ไม่ได้อยู่บนรถปราศรัย ไม่ได้เป็นคนสั่งการ และผมไม่จำเป็นต้องเข้าข้างใคร จริงๆ ไม่มีข้างด้วยซ้ำ ผมเป็นของผมแบบนี้ เพราะผมเป็นคนไทย
ผมทำหน้าที่ของผม ดูเอาด้วยตาดีกว่าครับ ระหว่างเมื่อวานนี้ที่แยกการเรือน ห้ามไม่ให้เขาตีกันระหว่างประชาชนกับตำรวจ กับวันนี้ที่ทำเนียบฯว่าเป็นยังไง?
ตรงนี้ใช่ไหมครับที่เรียกว่า “ทำเนียบรัฐบาล”? ผมก็เป็นประชาชนคนไทย ทำไมไม่มีสิทธิ์เข้า?
ผมมันคนธรรมดา มีทั้งคนรัก และคนเกลียด ไม่ได้อยู่บนเวที หรือบนรถปราศรัย ถึงจะได้เห็นผมทุกวัน แต่มันไม่สำคัญหรอกครับ
ผมชื่อชูวิทย์ ไปทุกที่ที่มีเรื่อง หากไม่มีเรื่อง เดี๋ยวชูวิทย์ไป สักพักก็มีเรื่อง”
นายชูวิทย์ยังโพสต์อีกว่า “ผมไม่สนใจหรอกว่าใครจะมองผมยังไง ผมไม่มีภาพลักษณ์เท่ๆ มาแต่ไหนแต่ไร ผมเริ่มมาจากศูนย์ ไม่มีอะไรจะต้องเสีย และพร้อมที่จะแลกหากจำเป็น
ผมทำทุกอย่างตามหน้าที่ ส.ส. เพราะได้เงินเดือนมาจากภาษีของพวกคุณ ผมไม่สนใจด้วยว่าจะเสียคะแนนหรือได้คะแนน เพราะอย่างไรคุณก็เลือกผมมาแล้ว
ขณะนี้บ้านเมืองแตกแยกจนเกินเยียวยา เลือกตั้งครั้งหน้าผมจะลงหรือเปล่ายังไม่รู้
แต่วันนี้ผมใช้มือและหัวใจทำงาน ไม่ได้ใช้แค่ปากพูดสั่งการ”
คุณปอง อัญชลี ต่อว่า ว่าผม "ขโมยซีน" ไม่ได้ช่วยอะไรม็อบ... แกเข้าใจผมผิด ผมไม่โกรธแกหรอก แกอยู่แต่บนเวที หรือบนรถปราศรัย ไม่ได้อยู่แนวหน้า
ผมไม่ได้มาช่วยม็อบ แต่ผมมาช่วยประชาชนและประเทศชาติของผม
วานนี้ (3 ธ.ค.) กรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย ได้ปรากฏตัวที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อแสดงความยินดีกับมวลชน แต่ น.ส.อัญชลี ไพรีรัก ประกาศให้นายชูวิทย์ออกจากพื้นที่ อย่ามาตีกินทั้งที่ไม่ได้ร่วมเหนื่อยกับประชาชน ส่งผลให้ผู้ชุมนุมจำนวนมากได้เข้าไปด่าทอและไล่ให้นายชูวิทย์ออกจากทำเนียบ
จากนั้นนายชูวิทย์ได้โพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว “ชูวิทย์ I'm No.5” ว่า “วันนี้ม็อบบุกเข้าทำเนียบฯ ประกาศชัยชนะ ประชาชนโห่ร้อง ผมไม่จำเป็นจะต้องตีเนียนออกหน้า เพราะทุกที่ที่ผมไป มีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน ไม่ว่าเป็นใคร จะชอบผมหรือไม่ จะด่าว่าผมอย่างไร แต่หน้าที่คือหน้าที่ นี่เป็นหลักฐานภาพถ่ายที่ผมไปมาทุกที่ เพียงแต่ผมไม่ได้เปิดเผยตัว ออกหน้าตีเนียนเหมือนคนบางคน เพราะปลอมตัวเข้าไป
วันก่อนใส่แว่นกันแก๊สน้ำตา ที่ปิดจมูก ผ้าชุบน้ำคลุมหัว ไปแถว บช.น. ไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นผม ยังเจอคุณกรณ์ยืนทำท่าเท่ๆ ตอน 3 ทุ่ม
อีกภาพเมื่อวานนี้ ที่สะพานชมัยมรุเชฐ และตอนเย็นไปห้ามทัพที่แยกการเรือน
หน้าที่ผมนั้น ไม่ได้สนับสนุนให้ใครทำร้ายประเทศไทย แต่มีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนตามหน้าที่ ผมไม่จำเป็นจะต้องไปเป็นแกนนำปราศรัยบนเวที ปรากฏตัวให้คนเขาเห็นเพื่อแสดงว่าผมเป็นพวก หรือไปเยี่ยมคนเจ็บตามโรงพยาบาล อย่างนั้นผมทำไม่เป็น
หน้าที่ของผมชัดเจนตรงไปตรงมา ใครจะว่าผมอย่างไร ผมยินดีรับฟัง แต่ขอให้รู้ว่าคุณยังไม่รู้จักผมดีพอ ผมเป็นคนไทย อ่อนมาผมอ่อนกลับ แรงมาผมแรงกลับ และผมไม่จำเป็นต้องไปเลือกข้าง แต่ผมช่วยคนไทยทุกคน
จากนั้น นายชูวิทย์ได้โพสต์คลิปที่เจ้าตัวได้เข้าไปช่วยห้ามทัพตำรวจกับประชาชนไม่ให้ทำร้ายกันที่แยกการเรือน (2 ธ.ค.) พร้อมเทียบกับเหตุการณ์โดนไล่ที่ทำเนียบรัฐบาล (3 ธ.ค.) พร้อมกับระบุว่า ผมไม่ได้อยู่บนเวที ไม่ได้เป็นแกนนำ ไม่ได้อยู่บนรถปราศรัย ไม่ได้เป็นคนสั่งการ และผมไม่จำเป็นต้องเข้าข้างใคร จริงๆ ไม่มีข้างด้วยซ้ำ ผมเป็นของผมแบบนี้ เพราะผมเป็นคนไทย
ผมทำหน้าที่ของผม ดูเอาด้วยตาดีกว่าครับ ระหว่างเมื่อวานนี้ที่แยกการเรือน ห้ามไม่ให้เขาตีกันระหว่างประชาชนกับตำรวจ กับวันนี้ที่ทำเนียบฯว่าเป็นยังไง?
ตรงนี้ใช่ไหมครับที่เรียกว่า “ทำเนียบรัฐบาล”? ผมก็เป็นประชาชนคนไทย ทำไมไม่มีสิทธิ์เข้า?
ผมมันคนธรรมดา มีทั้งคนรัก และคนเกลียด ไม่ได้อยู่บนเวที หรือบนรถปราศรัย ถึงจะได้เห็นผมทุกวัน แต่มันไม่สำคัญหรอกครับ
ผมชื่อชูวิทย์ ไปทุกที่ที่มีเรื่อง หากไม่มีเรื่อง เดี๋ยวชูวิทย์ไป สักพักก็มีเรื่อง”
นายชูวิทย์ยังโพสต์อีกว่า “ผมไม่สนใจหรอกว่าใครจะมองผมยังไง ผมไม่มีภาพลักษณ์เท่ๆ มาแต่ไหนแต่ไร ผมเริ่มมาจากศูนย์ ไม่มีอะไรจะต้องเสีย และพร้อมที่จะแลกหากจำเป็น
ผมทำทุกอย่างตามหน้าที่ ส.ส. เพราะได้เงินเดือนมาจากภาษีของพวกคุณ ผมไม่สนใจด้วยว่าจะเสียคะแนนหรือได้คะแนน เพราะอย่างไรคุณก็เลือกผมมาแล้ว
ขณะนี้บ้านเมืองแตกแยกจนเกินเยียวยา เลือกตั้งครั้งหน้าผมจะลงหรือเปล่ายังไม่รู้
แต่วันนี้ผมใช้มือและหัวใจทำงาน ไม่ได้ใช้แค่ปากพูดสั่งการ”
คุณปอง อัญชลี ต่อว่า ว่าผม "ขโมยซีน" ไม่ได้ช่วยอะไรม็อบ... แกเข้าใจผมผิด ผมไม่โกรธแกหรอก แกอยู่แต่บนเวที หรือบนรถปราศรัย ไม่ได้อยู่แนวหน้า
ผมไม่ได้มาช่วยม็อบ แต่ผมมาช่วยประชาชนและประเทศชาติของผม
