xs
xsm
sm
md
lg

กรณี "ชูวิทย์" เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าสร้างภาพผิดที่ผิดเวลา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ท่ามกลางบรรยากาศที่กลุ่มมวลชนโห่ร้อง ประกาศชัยชนะ หลังจากสามารถเข้าไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.56 ได้สำเร็จ ยังมีอีกหนึ่งบรรยากาศที่ก่อตัวเป็นความชุลมุนวุ่นวาย และกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างขณะนี้ สำหรับกรณี ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย ที่ถูกมวลชนเป่านกหวีด ขว้างปาก้อนหิน และขวดน้ำใส่ที่ตึกไทยคู่ฟ้า

เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลังจากที่ "ชูวิทย์" ปรากฏตัวขึ้นบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล พร้อมเตรียมโบกธงชาติไทย แต่กลับกลายเป็นเสียงก่นด่าถึงการโผล่ออกมาเพื่อ "สร้างภาพ" หรือบ้างก็บอกว่า "ไม่ช่วยแต่ขโมยซีน" เห็นได้ชัดจากคำพูดของนางสาวอัญชะลี ไพรีรักษ์ ที่พูดผ่านเครื่องขยายเสียงว่า "อย่ามาตีกินทั้งๆ ที่ไม่ได้ร่วมเหนื่อยกับประชาชน" ซึ่งจุดประเด็นความวุ่นวายกลบข่าวชัยชนะแบบงงๆ กันไปเลยทีเดียว



"ชัยชนะเป็นของประชาชน" ชูวิทย์ตะโกนขึ้นท่ามกลางผู้ชุมนุมจำนวนมากที่กรูเข้าไปด่าทอ และดึงให้ออกจากพื้นที่ แต่ด้วยการป้องกันตัวที่ดูเหมือนเป็นการผลักผู้ชุมนุมบางคนออกไป ทำให้กลุ่มมวลชนที่เห็นพฤติกรรมดังกล่าวไม่พอใจ เป่านกหวีดขับไล่ พร้อมกับปาขวดน้ำ และสาดน้ำใส่ตามที่เป็นข่าว

ทันทีที่ข่าวแพร่สะพัดออกไป ปฏิกิริยาของคนในออนไลน์ โดยเฉพาะโลกโซเชียลฯ เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง โดยส่วนใหญ่เห็นว่า เป็นการสร้างภาพเพื่อหวังเรียกคะแนนความนิยมให้ตัวเอง

"ตัวขโมยซีน ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย พอเขาชนะ ก็เข้ามาร่วมแจมเลยนะ นายชูวิทย์"

"ชูวิทย์ทำเนียน จริงๆ แอบเข้าข้างรัฐบาลทรราช แต่เนียนมากลมกลืนกับมวลชน ถ้ามีเลือกตั้งคราวหน้า หรืออะไรก็แล้วแต่ ชูวิทย์ลงรับสมัคร คนกรุงเขาไม่เอาอีกแน่ๆ (คะแนนตกเกินครึ่ง)"

"เออ แล้วจะเข้าไปทำไมตอนนี้ ตอนที่เขาลำบากกันไม่เข้าไปดูแลเขา พอเขาจะสงบศึกดันทะลึ่งเข้าไป เขาไม่กระทืบตายก็บุญแล้วชู"

ไม่เพียงแต่กระแส "สร้างภาพ" จากการปรากฏตัวของ "ชูวิทย์" เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการประกาศชัยชนะที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว เหตุการณ์ม็อบปะทะตำรวจหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ซึ่งมีเขาโผล่เป็นคนกลางไกล่เกลี่ย ก็ถูกมองว่า เป็นการสร้างภาพด้วยเช่นกัน



กระนั้น ท่ามกลางเสียงก่นด่า ยังมีเสียงให้กำลังใจ พร้อมกับชื่นชมความเป็นลูกผู้ชายตัวจริงของนักการเมืองท่านนี้กันด้วย ซึ่งทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ขอยกบางความเห็นในเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I'm No.5 ซึ่งเป็นเพจของคุณชูวิทย์มานำเสนอให้เห็นกันอีกมุม

"ขณะที่คุณว่าคนอื่นสร้างภาพ แล้วคุณเอาแต่เจ๋งหน้าคอมฯ โทรศัพท์ น่านับถือจริงๆ!!" ศกุนต์ปภา วิบูลย์

"ในขณะที่ชูวิทย์โดนด่าว่าสร้างภาพ แต่แกนนำไม่ว่าสีอะไรเคยทำแบบนี้บ้างมั้ย ให้ประชาชนเห็นว่ามึงเสียสละเพื่อประชาชนจริงๆ เอาวะถ้าสร้างภาพแล้วลงทุนเสี่ยงตาย กูเลือก" Tumm Holytree

"ผมไม่เคยเห็น ส.ส.มาทำแบบนี้นะ ปกติจะอยู่หลังประชาชน ขอคุณชูวิทย์รักษาจุดยืนของตัวเองนะครับ ไม่เสียแรงที่เลือกคุณเป็น ส.ส." Suchart Khoonnarm

"ปกติชอบเข้ามาอ่านเฉยๆ บางคนก็ชมบ้าง ด่าบ้างปนกันไป โดยส่วนตัวผมว่าถึงคุณชูวิทย์จะทำเอาหน้า หรือสร้างภาพแต่อย่างน้อยก็ยังได้ทำเพื่อประชาชน ทุกอย่างมันเป็นการลงทุนคุณชูวิทย์ทำไปก็หวังให้คนเห็น ให้คนรู้ ให้ได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้น แต่ที่สำคัญสุดก็คือยังได้ทำ ดีกว่า สส.หลายคนซึ่งไม่ทำอะไรเลย" Nara Kerdpunya

ต่อกรณีที่เกิดขึ้น ทั้งการถูกมวลชนเป่านกหวีดขับไล่ ขว้างปาก่อนหิน และขวดน้ำใส่ เพราะมองว่า ขโมยซีน หรือการทำหน้าที่เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยระหว่างม็อบกับตำรวจจนถูกมองว่า เป็นการสร้างภาพ และนี่คือการโพสต์เปิดใจบนเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขาถึงกระแสก่นด่าในโลกออนไลน์ พร้อมกับแนบภาพการทำงานช่วยเหลือประชาชนเพื่อแสดงให้เห็นว่า ไม่ได้สร้างภาพอย่างที่ใครหลายคนกล่าวหา



"วันนี้ม็อบบุกเข้าทำเนียบฯ ประกาศชัยชนะ ประชาชนโห่ร้อง ผมไม่จำเป็นจะต้องตีเนียนออกหน้า เพราะทุกที่ที่ผมไป มีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน ไม่ว่าเป็นใคร จะชอบผมหรือไม่ จะด่าว่าผมอย่างไร แต่หน้าที่คือหน้าที่ นี่เป็นหลักฐานภาพถ่ายที่ผมไปมาทุกที่ เพียงแต่ผมไม่ได้เปิดเผยตัว ออกหน้าตีเนียนเหมือนคนบางคน เพราะปลอมตัวเข้าไป

วันก่อนใส่แว่นกันแก๊สน้ำตา ที่ปิดจมูก ผ้าชุบน้ำคลุมหัว ไปแถว บช.น. ไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นผม ยังเจอคุณกรณ์ยืนทำท่าเท่ๆ ตอน 3 ทุ่มอีกภาพเมื่อวานนี้ ที่สะพานชมัยมรุเชฐ และตอนเย็นไปห้ามทัพที่แยกการเรือน

หน้าที่ผมนั้น ไม่ได้สนับสนุนให้ใครทำร้ายประเทศไทย แต่มีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนตามหน้าที่ ผมไม่จำเป็นจะต้องไปเป็นแกนนำปราศรัยบนเวที ปรากฏตัวให้คนเขาเห็นเพื่อแสดงว่าผมเป็นพวก หรือไปเยี่ยมคนเจ็บตามโรงพยาบาล อย่างนั้นผมทำไม่เป็น

หน้าที่ของผมชัดเจนตรงไปตรงมา ใครจะว่าผมอย่างไร ผมยินดีรับฟัง แต่ขอให้รู้ว่า คุณยังไม่รู้จักผมดีพอ ผมเป็นคนไทย อ่อนมาผมอ่อนกลับ แรงมาผมแรงกลับ และผมไม่จำเป็นต้องไปเลือกข้าง แต่ผมช่วยคนไทยทุกคน"

ล่าสุดได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวในกรณีเดียวกันนี้อีกด้วยว่า

"ผมไม่ได้อยู่บนเวที ไม่ได้เป็นแกนนำ ไม่ได้อยู่บนรถปราศรัย ไม่ได้เป็นคนสั่งการ และผมไม่จำเป็นต้องเข้าข้างใคร จริงๆไม่มีข้างด้วยซ้ำ ผมเป็นของผมแบบนี้ เพราะผมเป็นคนไทย

ผมทำหน้าที่ของผม ดูเอาด้วยตาดีกว่าครับ ระหว่างเมื่อวานนี้ที่แยกการเรือน ห้ามไม่ให้เขาตีกันระหว่างประชาชนกับตำรวจ กับวันนี้ที่ทำเนียบฯว่าเป็นยังไง?

ตรงนี้ใช่ไหมครับที่เรียกว่า "ทำเนียบรัฐบาล"? ผมก็เป็นประชาชนคนไทย ทำไมไม่มีสิทธิ์เข้า?

ผมมันคนธรรมดา มีทั้งคนรัก และคนเกลียด ไม่ได้อยู่บนเวที หรือบนรถปราศรัย ถึงจะได้เห็นผมทุกวัน แต่มันไม่สำคัญหรอกครับ

ผมชื่อชูวิทย์ ไปทุกที่ที่มีเรื่อง หากไม่มีเรื่อง เดี๋ยวชูวิทย์ไป สักพักก็มีเรื่อง"

สุดท้ายแล้ว จะสร้างภาพหรือไม่ คงไม่มีใครตอบได้ดีไปกว่าตัวคุณชูวิทย์เอง แต่การอยู่เฉยๆ และลดบทบาทลงบ้างก็น่าจะทำให้เสียงก่นด่าจากสังคมบางกลุ่มเบาบางลงได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งบทเรียนในครั้งนี้ พอจะสอนให้รู้ว่า การปรากฎตัวแบบผิดที่ผิดเวลาในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยคราบเลือด หยาดเหงื่อของมวลมหาประชาชน มีแต่เสียกับเสีย แม้ปากจะบอกว่าออกมาช่วยเหลือประชาชนก็ตาม

เรื่องโดย ทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live


กำลังโหลดความคิดเห็น