รายงานการเมือง
จบลงไปแบบมึนๆ งงๆ สำหรับสถานการณ์การสู้รบห้ำหั่นระหว่างคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. กับ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่น่าจะเป็นการพักรบชั่วคราว
จากการต่อสู้มายาวนานเป็นเดือนเมื่อวาน เมื่อวานซืน ยังตะลุมบอนแก๊สน้ำตาฟุ้งกระจายกรุงเทพฯกลายเป็นเมืองแห่งหมอกแก๊สพิษสีม่วง เหมือนดูหนังสงครามแย่งชิงเมืองกำลังตีป้อมค่ายคูเมือง ฝ่ายหนึ่งรุกฝ่ายหนึ่งต้านกันแบบสุดลิ่มทิ่มประตูอยู่ดีๆแต่มาอีกวันกลายเป็นการจับมือถือแขน มอบดอกไม้ยินดี กระชากอารมณ์คนดูแทบตกเก้าอี้ไม่มีแก๊สน้ำตาแม้แต่ลูกเดียว
ฝ่ายฮาร์ดคอร์ขาบู๊ล้างผลาญทั้งผู้ชุมนุมตำรวจ เตรียมอาวุธไว้พร้อมสรรพเต็มกำลัง เรียกว่ามีเท่าไหร่ระดมกันมาหมดคลังแสงแต่ถูกสั่งประกาศพักรบดื้อๆ ฝ่ายรัฐบาลยอมปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปยังพื้นที่ไข่แดงที่รักษามานานทั้งทำเนียบรัฐบาลและกองบัญชาการตำรวจนครบาล
แว่วว่าแกนนำทั้งสองฝ่ายไปเจรจาใต้โต๊ะกันมา โดยมีฝ่ายทหารเป็นคนกลาง รัฐบาลประกาศยอมถอยยอมให้ผู้ชุมนุมไปประกาศชัยชนะไปแสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองในทำเนียบรัฐบาล และบช.น.เพราะไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง เพราะประเมินว่างวดนี้ เล่นกันหนักแน่อาจมีเจ็บมีตายรัฐบาลต้องมือเปื้อนเลือด
อีกทั้งต้องการให้เรื่องวุ่นวายยุ่งเหยิงผ่านพ้นวันมหามงคลวันที่ 5 ธ.ค.ไปก่อนซึ่งเงื่อนไขนี้ก็ตรงกับความต้องการของกลุ่มผู้ชุมนุมเช่นเดียวกัน
ระยะหลังรัฐบาลโดนรุกไล่จนเจียนอยู่เจียนไป อาการร่อแร่แต่จนถึงตอนนี้ยังรักษาอำนาจรัฐไว้ได้อยู่ ยุทธศาสตร์การถอยครั้งนี้คงไม่ใช่การถอยฟรีแน่ แต่เป็นการถอยเพื่อรอจังหวะรุก
ชัยชนะที่ กปปส.ประกาศอาจเป็นเพียงชนะในเกมลวง!!
ตอนนี้รัฐบาลเหมือนเดินเข้าสู่มุมอับการถอยทางยุทธวิธี แต่ยุทธศาสตร์ยังมีอยู่ทั้งนี้ก็เพื่อดิ้นหนีจากมุมอับโดนไล่เหยียบข้างเดียวไปก่อน หลังจากผ่านพ้นวันที่ 5 ธ.ค.ไปแล้ว รับรองว่าได้เห็นหมัดสวนจากทางรัฐบาลออกมาแน่
เพราะรัฐบาลหมาจนตรอกสู้ยิบตาอยู่แล้ว สันดานเดิมของนักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีทางยอมแพ้อะไรง่ายๆ เรื่องเสียประโยชน์อย่าคิดว่าจะศิโรราบ
หมากเกมนี้ว่าไปแล้วรัฐบาลไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แค่หยุดยิงแก๊สน้ำตา ประกาศด้วยถ้อยคำสวยหรู แล้วก็ยอมโอนอ่อนผ่อนปรนเพื่อรอจังหวะโอกาสต่อไป ดังนั้นยังไว้วางใจอะไรไม่ได้
เรื่องที่จะให้รัฐบาลยอมทิ้งอำนาจไปเฉยๆ เพื่อให้ประชาชนไปบริหารจัดการเมินไปได้เลยไม่มีวันเกิดขึ้นแน่รัฐบาลได้ยื่นข้อเสนอให้ทุกฝ่ายมาหารือวางกติการ่วมกันก่อนที่จะยุบสภาโดยใช้ระยะเวลาช่วงหนึ่ง แล้วค่อยยุบสภาไปเลือกตั้งใหม่ข้อเสนอนี้เหมือนวนกลับไปสู่ความขัดแย้งเก่าๆ ไม่มีทางตกลงกันได้
ใครจะมาพูดคุยกันบ้างและใครจะเป็นคนกลางๆที่มานั่งหัวโต๊ะให้คู่ขัดแย้งยอมรับชั่วโมงนี้เหลียวซ้ายแลขวาไม่มีใครเลยที่ทั้งสองฝ่ายพอจะยอมรับได้พร้อมๆ กันมันก็ไม่จบ และข้อเสนอนี้ กปปส.บอกแล้วไม่เอา เสียเวลาเปล่าไม่ไว้ใจรัฐบาลชุดนี้อีกต่อไป ปล่อยให้ดำเนินการเดี๋ยวก็เล่นเกมปาหี่เหมือนเดิม
ชั่วโมงนี้สำรวจตรวจอาการแล้วรัฐบาลไม่ยอมเสียอำนาจไปจากมือง่ายๆแน่หากจะทำก็ทำไปนานแล้ว ไม่ยื้อยุดมาจนถึงป่านนี้ และทำท่าว่าจะยื้อให้ถึงที่สุดหัวหน้าพรรคเพื่อไทย รวมทั้งแกนนำพรรค ออกมาประสานเสียงไม่ออก ไม่ยุบ
ไม่มีวันทำตามคำร้องขอของ “เทพเทือก” เลขาฯ กปปส. รายของ “ไอ้โต้ง” จารุพงศ์ เรืองสุวรรณหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระยะหลังบู๊แหลก เจอนักข่าวซักหนักๆ ด่ากลับขณะออกอากาศยอมเป็นกุ๊ยออกจอ ไม่เหลือคราบเสนาบดี บ่งบอกอารมณ์เก็บกดเก็บไว้ไม่อยู่ น่าทุเรศ
แผนการที่รัฐบาลเตรียมไว้มีอีกหลายช็อตแน่ที่เห็นกันไปและสงสัยกันว่าเหตุใดจึงมีการเปลี่ยนม้ากลางศึกโยกเอา “อ้ายปึ้ง” สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯและรมว.การต่างประเทศ มาเป็นผู้กำกับดูแล ศอ.รส. แทนที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ทั้งๆ ที่ดูหน่วยก้านดีกว่า
เหตุผลคือการเพิ่มทีมวอร์รูม วางยุทธศาสตร์แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ให้ สุรพงษ์ มาเล่นเกมหน้าฉาก แถลงข่าวชี้แจงซึ่งจะได้ภาพรวมทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ในฐานะที่เป็น รมว.การต่างประเทศด้วยอีกทั้งยังเป็นการขับเน้นแสงออร่าให้เด่นชัด หากเกิดสถานการณ์พิเศษทำให้ยิ่งลักษณ์มีอันเป็นไป ต้องหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ก็จะดัน “อ้ายปึ้ง” คนนี้แหละมาเสียบเป็นนายกฯ สำรองเพราะสำรวจรายชื่อรองนายกฯ แล้ว เหลือเพียงคนเดียวที่เป็น ส.ส.อยู่ ขึ้นเป็นนายกฯ ได้
อย่างน้อยๆ “อ้ายปึ้ง” ก็เป็นบุคคลที่นักโทษหนีคดีทักษิณไว้ใจมากที่สุด ถ้าไม่นับคนในตระกูลชินวัตร หรือเชื้อสายใกล้ชิดอย่างวงศ์สวัสดิ์ เป็นการตัดเงื่อนไขที่กลุ่มต่อต้านตั้งแง่ว่าจะไม่เอาตระกูลชิน ก็เลือกสุรพงษ์มาเป็นนอมินีขัดตาทัพ
ขณะที่ “บิ๊กผิว” อินทรีอีสาน ไม่ได้ถูกปลดไปตบยุง แต่ให้นั่งวอร์รูมร่วมกับ “บิ๊กแจ๊ด” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. และ “บิ๊กย้อย” พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ซึ่งทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกันแต่ไหนแต่ไรมาไปเดินเกมหลังฉาก เกมลึกลับใต้ดินกันอย่างถนัดๆ เดินแนวทางสายเหยี่ยวต่อกรกับมวลชน
สะท้อนชัดเจนว่ารัฐบาลไม่ยอมแพ้แต่ตั้งป้อมสู้ ดังนั้น การที่ กปปส.และกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศชัยชนะหลังจากยึดทำเนียบ และบช.น. เป็นเพียงชัยชนะในเกมลวงชนะในเกมที่รัฐบาลถอยเพื่อรอจังหวะรุก ยังดีใจไม่ได้เลย
และแกนนำอย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ เหมือนจะรู้เส้นสนกลในดี ประกาศสู้ต่อรุกคืบต่อไป โดยรอให้ผ่านพ้นวันมหามงคล 5 ธันวามหาราชไปก่อนเพราะรู้ดีว่าถ้าหยุดตอนนี้ฝ่ายที่แพ้ไม่ใช่รัฐบาล แต่เป็นฝ่ายตัวเองหากหยุดเมื่อไหร่จะเจอเกมตีโต้เรียกกระแส เรียกความชอบธรรมคืนจากรัฐบาล
ยิ่งตอนนี้ “สุเทพ” มีชนักปักหลัก เจอหมายจับไปหลายใบ ล่าสุดข้อหากบฏหนักหนาถึงขั้นประหารชีวิต ฉะนั้นถอยหลังไม่ได้อีกแล้ว จะหยุดอยู่กับที่ก็ไม่ได้เจอรวบเข้าตารางแน่ ดังนั้นจากนี้ก็มีแต่ต้องลุย..ลุย และลุยเท่านั้น
เพียงแต่จะลุยแบบมีจังหวะมียุทธศาสตร์ หรือลุยแบบหูตาเหลือก
กระนั้นก็ตาม จากสถานการณ์ที่ประเมินแล้วว่าต่างฝ่ายต่างยังไม่ยอมกันเพียงแต่พักรบเพื่อเปิดทางให้มีการเฉลิมฉลองวันมหามงคลรัฐบาลเล่นเกมลวงให้ฝ่ายต่อต้านประกาศชัยชนะ แต่เชิงยุทธศาสตร์ยังรู้ไว้กันอยู่หลังวันที่ 5 ธ.ค.เป็นต้นไป เตรียมกลับมาเปิดศึกอีกครั้ง
ส่อเค้าว่าจะรุนแรงถึงขั้นแตกหักถ้ายังไม่มีใครยอมลงให้ใคร!!!