ส.ว.กลุ่ม 40 แถลงย้ำข้อเสนอ รัฐ-นายกฯ เสียสละคลี่คลายวิกฤต “นช.แม้ว” ถอยเลิกชักใย ตระกูลชินต้องเลิกยุ่งการเมือง หลัง นศ.รามฯตาย 3 ตร.ลุยระดมแก๊สน้ำตา-กระสุนยาง ข้ามขั้นหลักสากล พร้อมสอบใช้แก๊สน้ำตาผสมสารเคมีทำบาดเจ็บอื้อ จี้ รัฐ-ตร.อดทนต่อการยั่วยุ อย่ามองผู้ชุมนุมเป็นอาชญากร ชี้ที่รามฯ ตร.ปล่อยปละ ย้อนนายกฯร้องเจรจา แต่ไม่สำนึกที่เกิดขึ้น ดีใจ ผบ.ทบ.ให้หยุดใช้แก๊สน้ำตา ย้ำมวลชนชุมนุมสันติ ขอสอบอีกทีแดงตายปะทะรามฯ
วันนี้ (2 ธ.ค.) ที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา อาคารสุขประพฤติ กลุ่ม 40 ส.ว.ร่วมกันแถลงข่าว นำโดย นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ยืนยันข้อเสนอต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า ทางกลุ่มเป็นห่วงสถานการณ์ปัจจุบันจึงได้หารือกันและมีข้อสรุป โดยขอยืนยันข้อเรียกร้องเดิมที่เสนอไปเมื่อวันที่ 29 พ.ย.รัฐบาลและนายกฯจะต้องยอมรับ และเสียสละเพื่อคลี่คลายวิกฤตของบ้านเมือง และขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการกำกับการบริหารงานของรัฐบาลให้ยอมถอยเพื่อให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤต นายกฯและตระกูลชินวัตรจะต้องเสียสละช่วยกันตัดสินใจให้สัญญาประชาคมว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองอีก ถือเป็นการใช้กุศลจิตเพื่อให้ประเทศผ่านไปได้
เพราะขณะนี้มีการสูญเสียชีวิต มีการใช้อาวุธสังหารนักศึกษารามคำแหงถึง 3 ราย ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาจนทำให้ประชาชนผู้ร่วมชุมนุมบาดเจ็บจำนวนมาก และวันนี้ยังใช้กระสุนยางยิ่งใส่ผู้ชุมนุมอีก หรืออาจใช้กระสุนด้วย
ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา กล่าวว่า จากการตรวจสอบจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการชุมนุมที่ศูนย์นเรนทร และศูนย์เอราวัณ ล่าสุดเมื่อเวลา 08.00 น.มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 127 ราย โดยเฉพาะการบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตาและน้ำผสมสารเคมี Sulfuric Acid ซึ่งไม่ทราบว่าได้ใช้ปริมาณเข้มข้นเท่าไหร่ ทำให้ระคายเคืองต่อเยื่อบุหายใจ และทางเดินอาหาร ซึ่งจะตรวจสอบต่อไป และขอเรียกร้องให้รัฐบาลโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจทนต่อความยั่วยุ โดยใช้หลักเมตตาธรรมคำนึงถึงประชาชนที่มาชุมนุมอย่างสงบ และอย่าใช้วิธีนี้กับประชาชน
พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา ในฐานะรองประธานกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโกค วุฒิสภา กล่าวว่า รัฐบาลต้องยึดหลักว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่ใช่อาชญากร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดูแลไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอาวุธปืน แต่จากสภาพที่เกิดขึ้นถือว่าตำรวจขาดการเอาใจใส่ดูแล และหลักปฏิบัติสากลที่จะควบคุมมวลชนต้องใช้น้ำเปล่า ไม่ใช่ผสมสารเคมี ดังนั้นคณะกรรมาธิการจะตรวจสอบต่อไปว่าการดำเนินการเหล่านี้เข้าหลักตามมาตรฐานสากลหรือไม่ และล่าสุดมีการใช้กระสุนยาง ถือว่า สตช.ข้ามขั้นตอนตามหลักปฏิบัติสากลทั่วไปที่จะต้องใช้ตาข่าย
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เท่าที่ฟังนายกฯระบุว่าพร้อมเปิดทุกช่องทางเพื่อนำไปสู่การเจรจาเป็นแค่การเรียกร้องความเห็นใจ แต่ตนยังไม่เห็นความสำนึกผิดของนายกฯ คณะรัฐบาล และรัฐสภาเสียงข้างมาก รับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าขาดความชอบธรรม นายกฯต้องลดความไม่พอใจของมวลชน โดยขอพระราชทานร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกลับลงมา ซึ่งเป็นการทำให้เห็นว่ายอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญที่ได้วินิจฉัย จะต้องทำทันที แม้จะไม่ทำให้สถานการณ์คลี่คลาย แต่ก็ยังดี
ด้าน พญ.พรพันธ์ บุญยรัตนพันธุ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ ผบ.ทบ.โทรศัพท์ให้ตำรวจหยุดใช้แก๊สน้ำตากับประชาชน แต่ยังไม่พอ เพราะมีการใช้อย่างต่อเนื่อง จึงอยากให้ ผบ.ทบ.ใช้วิธีอื่นที่จะไม่ให้พี่น้องบาดเจ็บมากกว่านี้
เมื่อถามว่ากลุ่ม 40 ส.ว.ได้ประเมินสถานการณ์ม็อบยังอยู่ในขอบเขตหรือไม่ ซึ่ง นายสมชาย ยืนยันว่า ถือว่าเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ เมื่อถามย้ำว่ามีการตรวจสอบเหตุการณ์ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงหรือไม่ ซึ่งมีคนเสื้อแดงเสียชีวิต นายสมชาย แย้งว่า ไม่มี ไม่ทราบว่าตายที่ไหน ตรงจุดไหน ผู้สื่อข่าวถามย้ำกลุ่ม 40 ส.ว.ยืนยันใช่หรือไม่ว่าไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดงตายในที่ดังกล่าว นพ.เจตน์ ชี้แจงแทนว่า เราทราบแต่ชื่อ ต้องขอไปตรวจสอบรายละเอียด แต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมีเท่านี้