รองนายกฯ แถลงทีวีพูลแก้ต่างทุกเม็ด อ้างไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ-นิรโทษกรรมไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ย้ำพรุ่งนี้รัฐบาลยังทำงานปกติ ซัด “สุเทพ” ไม่มีอำนาจสั่งเบรกฟรีทีวีประโคมข่าวรัฐบาล ขู่มีความผิดฐานกบฏต้องประหารชีวิต ส่วนเหตุนองเลือดอ้างเด็กรามฯตายคนเดียว ตำรวจกำลังหาหลักฐาน เคอร์ฟิวห้ามออกจากบ้านสี่ทุ่มถึงตีห้า อ้างมือที่สามป่วนม็อบป้ายสีรัฐบาล ยังแหลยินดีรับฟังทุกฝ่าย
วันนี้ (1 ธ.ค.) เมื่อเวลา 18.40 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีพิเศษ ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความวงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) แต่นายกฯ ใช้วิธีวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์เข้ามายังที่ประชุม จากนั้นเวลา 19.10 น. ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ระบุว่า ตามที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข หรือ กปปส.ได้ออกแถลงการณ์เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.00 น.ที่ผ่านมานั้น คงทราบดีว่านายสุเทพเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาในคดีกระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและบุกรุกสถานที่ราชการ และในปัจจุบันได้เชิญชวนผู้เข้าร่วมชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์ โดยใช้กำลังประทุษร้าย และบังคับให้ถ่ายทอดรายการตามความต้องการของตน นอกจากนี้ ได้ใช้กำลังประทุษร้ายเข้ายึดหรือพยายามเข้ายึดสถานีราชการ
ตนในฐานะได้รับมอบหมายให้ดูแลด้านความมั่นคงขอเรียนว่า กรณีที่นายสุเทพแถลงว่ารัฐบาลไม่เคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คดีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขที่มาของ ส.ว.นั้น ขอแจ้งให้ทราบว่ารัฐบาลไม่เคยมีแถลงการณ์ใดๆ หรือมีการแสดงใดๆ ที่เป็นการไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ การแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องของพรรคการเมือง ไม่ใช่รัฐบาล ส่วนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่ใช่ร่างของคณะรัฐมนตรี แต่เป็นร่างของ ส.ส.ซึ่งเป็นอำนาจนิติบัญญัติแยกออกจากอำนาจฝ่ายบริหาร และขณะนี้ก็เป็นที่ชัดเจนแน่นอนแล้วว่า วุฒิสภาไม่รับหลักการร่างฉบับนี้ และ ส.ส.ก็ไม่สนับสนุนร่างฉบับนี้ต่อไป ถือได้ว่าร่างฉบับนี้ตกไป ไม่มีโอกาสบังคับใช้แน่นอนแล้ว
พล.ต.อ.ประชา กล่าวต่อว่า การที่นายสุเทพบอกว่าให้วันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดงานนั้น ขอยืนยันว่าในวันพรุ่งนี้หน่วยงานราชการจะเปิดทำการตามปกติ และต่อกรณีที่ขอให้สื่อโทรทัศน์เลิกการนำเสนอข่าวของรัฐบาล และให้มานำเสนอเหตุการณ์ของการชุมนุมนั้น นายสุเทพไม่มีอำนาจรัฐตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ที่จะสั่งให้สื่อโทรทัศน์หยุดการนำเสนอข่าวของรัฐบาลได้ และการที่นายสุเทพ อ้างการชุมนุมเป็นการใช้สิทธิมาตรา 69 ของรัฐธรรมนูญนั้น วิธีการของนายสุเทพและแกนนำบุคคลอื่นได้นำมวลชนเข้าหรือพยายามเข้ายึดสถานที่ราชการ สถานีโทรทัศน์ หรือสถานที่ของรัฐอื่นใด มิได้เป็นไปโดยสันติวิธี มีการใช้กำลังพยายามพังพนังกั้นที่ทำด้วยปูน มีการขว้างระเบิดปิงปองเข้าไปยังหน่วยรักษาความปลอดภัย และรัฐบาลชุดนี้เข้ามาเป็นรัฐบาลโดยผ่านกระบวนการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ และรัฐบาลไม่ได้กระทำการใดเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ในทางตรงกันข้าม การดำเนินการที่กล่าวมาของนายสุเทพ ที่ใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างอำนาจบริหาร หรือให้ฝ่ายบริหารใช้อำนาจดังกล่าวไม่ได้ เป็นการกระทำที่เข้าองค์ประกอบความผิดการเป็นกบฏมาตรา 113 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มีโทมษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต
ส่วนกรณีความรุนแรงที่ถนนรามคำแหงและสนามราชมังคลากีฬาสถานนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสืบสวนขยายผลในการเข้าจับกุมผู้กระทำความผิด ศึ่งเชื่อว่าจะสามารถขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้บงการและผู้กระทำความผิดในไม่ช้า และขณะนี้ตำรวจได้แจ้งให้ทราบแล้วว่ามีผู้เสียชีวิต 3 ราย มีฝ่าย นปช.2 ราย และฝ่ายผู้ชุมนุม 1 ราย และจากสถานการณ์ที่มีความรุนแรงในเขตพื้นที่ดังกล่าวข้างต้นนั้น จากการสืบทราบของหน่วยข่าวกรองและหน่วยงานความมั่นคงพบว่ามีความพยายามของกลุ่มบุคคลที่สามที่พยายามใช้สถานการณ์ดังกล่าวก่อความไม่สงบ โดยเชื่อว่าอาจมีการกระทำที่รุนแรงและอาจมีการใช้อาวุธที่เป็นอันตรายต่อประชาชนและผู้ชุมนุม โดยมีสวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเกลียดชังต่อรัฐบาล และเพื่อเป็นการยกระดับสถานการณ์ ดังนั้น หลังเวลา 22.00 น.ถึงเวลา 05.00 น.ของวันใหม่หากไม่มีความจำเป็นขอให้พี่น้องประชาชนไม่ควรออกนอกเคหสถาน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินและไม่ตกเป็นเครื่องมือของบุคคลที่สามดังกล่าว
พล.ต.อ.ประชา กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ไว้ได้ด้วยความเรียบร้อย อย่างไรก็ดี รัฐบาลมีความปรารถนาดีที่จะรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราทุกคนจะหันหน้าเข้ามาปรึกษาหารือ เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชน จึงขอให้ประชาชนได้มีความมั่นใจ และมีความสบายใจว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของประชาชนทุกคน ดังนั้นรัฐบาลจึงให้ความสำคัญต่อการตัดสินใจด้วยการรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย โดยยึดเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง และขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า จะทำหน้าที่ในการปกป้องประชาชนและจะนำมาซึ่งความปกติสุขโดยเร็วที่สุด เพื่อให้พสกนิกรชาวไทยทุกคนได้มีความพร้อมที่จะถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาที่จะถึงนี้
หลังจากการแถลง ผู้สื่อข่าวได้ถามว่าจากการประเมินสถานการณ์จะมีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ รองนายกฯกล่าวว่า พ.ร.บ.ความมั่นคงยังดูแลได้อยู่ ไม่จำเป็นต้องใข้กฎหมายที่เพิ่มขึ้น ส่วนเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุมบุกทำเนียบนั้นเรามั่นใจว่ายังสามารถรักษาทำเนียบไว้ได้อยู่ และยังใช้เป็นสถานที่บริหารได้อยู่ และการทำงานที่ทำเนียบยังเป็นปกติอยู่ แต่บางหน่วยงานอาจจะมีการขยับขยายออกไปทำงานข้างนอกบ้าง
เมื่อถามว่า ได้มีการประสานไปยังแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อขอให้ร่วมเจรจาหรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับแกนนำที่อยู่ใกล้ชิดนายสุเทพ มากที่สุดแต่ตอนนี้ต้องรอคำตอบ หากนายสุเทพประสงค์จะพูดคุยสามารถต่อสายโทรศัพท์คุยกันได้ เราเป็นนักการเมืองด้วย อะไรที่จะพูดคุยกันได้ก็ควรจะพูดคุยกัน โดยนายกฯ เองมีความปราถนาว่าเราน่าจะหาทางออกประเทศชาติร่วมกันในฐานะที่เราเป็นฝ่ายการเมืองร่วมกัน ทั้งนี้ การเจรจาจะเป็นสัญญาณที่ดีไม่ดีก็เป็นเงื่อนไขของแต่ละฝ่าย ต่อให้มีความคิดที่ต่างกันแต่ถ้าเจรจาก็ยังจะมีจุดจบ แต่เราต้องมาค้นหาร่วมกัน เพื่อประเทศชาติและประชาชนต้องมีทางไป
ขณะที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศกล่าวถึงการทำความเข้าใจกับต่างประเทศต่อสถานการณ์การชุมนุมในประเทศว่า ได้นัดหมายเอกอัคราชทูตประเทศต่างๆ ที่ประจำประเทศไทย มารับฟังคำชี้แจงวันพรุ่งนี้(2ธ.ค.) ในเวลา 14.30 น. โดยจะทำการชี้แจงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ให้นานาประเทศรับทราบ เพราะนานาประทศมีความเป็นห่วงที่กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปบุกรุกที่ทำการของรัฐบาล การบุกรุกกระทรวงต่างๆ เพื่อไม่ให้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ได้ ซึ่งประเทศสหรัฐอเมริการและอังกฤษ ได้ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกบพฤติกรรมของผู้ชุมนุม และเรียกร้องให้มีการเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกัน รวมถึงจะชี้แจงว่ารัฐบาลปฏิบัติภายใต้กฎหมายและยึดมั่นในรัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทย รัฐบาลจะใช้ความอดทนให้ถึงที่สุด โดยไม่ประสงค์ที่จะให้ประชาชนได้รับอันตรายในการชุมนุมครั้งนี้ และจะใช้ขั้นตอนตามหลักสากลกับผู้ประท้วง
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลัง กล่าวถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจทางชุมนุมว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจเริ่มเกิดขึ้น เพราะในไตรมาสที่ 4 จะเป็นไตรมาสสำคัญทั้งเรื่องการส่งออก การท่องเที่ยว ทั้งนี้ งานด้านเศรษฐกิจที่เราสามารถดำเนินการได้เองจะไม่ชะลอ ส่วนการบริหารงบประมาณรายจ่ายจะดำเนินการตามปกติ ตนเชื่อว่าหากมีการพูดจาให้เข้าใจกันได้ในเร็ววันผลกระทบจะไม่มาก
ด้านนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา กล่าวถึงการดำเนินการกฎหมายกับนายสุเทพว่า การกระทำของนายสุเทพที่เข้าข่ายความมาตรา 113 ของประมวลกฎหมายอาญา ถือว่าเข้าหลักเกณฑ์องค์ประกอบทุกอย่าง ส่วนการดำเนินคดีเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายซึ่งมีพยานหลักฐาน ส่วนกรณีที่นายสุเทพสั่งปิดหน่วยงานราชการ ก็เป็นการสั่งไปอย่างนั้น ข้าราชการยังสามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งได้มีการออกหมายจับนายสุเทพในความผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการ ส่วนแกนนำคนอื่นก็เป็นผู้ต้องหาคดีเดียวกัน ขอให้พี่น้องประชนอย่าทำตามนายสุเทพ เพราะเขากำลังพาไปกระทำความผิดอาญา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง