เสื้อแดงประกาศชุมนุมยาวจนกว่า รบ.จะปลอดภัย หยันม็อบราชดำเนินถูกจ้างมา พูดหยาบคาย

“วีระกานต์” หยันม็อบราชดำเนินอีกไม่นานก็ฝ่อเพราะหมดเงินจ้าง ต่างจากเสื้อแดงที่มาด้วยใจ ลั่นจะชุมนุมปกป้องรัฐบาลจนกว่าจะปลอดภัย “ธิดา” โว นปช.เป็นนักต่อสู้ปริญญาเอกไร้คำหยาบคายไม่เหมือนฝ่ายตรงข้าม อ้างกลุ่มอำมาตย์อยู่เบื้องหลังคำตัดสินศาล รธน. ด้าน “บก.ลายจุด” ซัด “สุเทพ” หวังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นกบฏชัดเจน

วันนี้ (24 พ.ย.) นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปราศรัยบนเวทีที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก ว่าเชื่อว่าวันต่อๆ ไปมวลชนที่ราชดำเนินจะลดน้อยถอยลงเพราะหมดเงินจ้าง ไม่เหมือนคนเสื้อแดงที่มาด้วยใจไม่ได้จ้างมา

นายวีระกานต์กล่าวต่อว่า ที่ให้คนเสื้อแดงมาชุมนุมในครั้งนี้เพราะต้องการให้กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเห็นพลังว่าจะไม่สามารถโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ ตลอดเวลาผ่านมา 7 ปีนั้นก็ได้มีพวกขี้แพ้คอยระรานอยู่ตลอดที่ผ่านมา แต่อยากบอกว่าถึงอย่างไรรัฐบาลก็ต้องอยู่เพราะประชาชนส่วนมากบอกให้อยู่ต่อ

ส่วนกรณีของ ป.ป.ช.ที่บอกว่าคดีนี้ต้องใช้เวลาตัดสินอีกนาน จู่ๆ กลับมาบอกว่าสามารถพิจารณาคดีได้ภายใน 72 ชั่วโมง ลุกขึ้นมาตัดสินได้เลยว่าจะตัดสิทธิใคร ถ้าไม่เกรงใจกฎหมายและประชาชนเสื้อแดง แล้วก็เห็นว่าตอนนี้นายสุเทพกำลังจะหมดหมาก เทหมดหน้าตักแล้วยังพยายามจะดึงสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้องตลอด โดยอ้างว่ามีการเสนอรัฐธรรมนูญปี 56 เรียบร้อยแล้วมีการทูลเกล้าฯ และจะมีการเสนอให้แต่งตั้งรัฐบาลแห่งชาติ จนเลขาฯ ราชสำนักออกมาบอกว่าใครที่คิดจะกระทำการดังกล่าวให้หยุดเสีย เชื่อว่าสุดท้ายแล้วประชาธิปไตยจะชนะอำนาจนอกระบบ และการชุมนุมที่นี่ของคนเสื้อแดงจะชุมนุมจนกว่ารัฐบาลจะปลอดภัย

จากนั้นนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปราศรัยว่าคนเสื้อแดงแสดงตัวอย่างสันติวิธี ถึงชุมนุมในสนามกีฬา เพราะหากต้องการเผชิญหน้าคงไปที่ราชดำเนิน ตอนนี้คนที่เป็นฆาตกรพยายามซักฟอกตัวเองให้กลายเป็นวีรบุรุษ ไม่เคยมีประวัติศาสตร์ชาติไหนที่อดีตนายกฯ และอดีตรองนายกฯ มายืนเป่านกหวีดข้างถนน ผู้นำที่เป็นฆาตกรแบบนี้ไม่สมควรเป็นผู้นำของประชาชน

นางธิดากล่าวอีกว่า มวลชนที่ราชดำเนินมีแต่คำพูดหยาบคาย ซึ่งแตกต่างจากเวทีของกลุ่มนปช.ที่เป็นนักต่อสู้ระดับปริญญาเอก ที่ไม่มีคำหยาบคาย

นอกจากนี้ มวลชนราชดำเนินนั้นเป็นกลุ่มอนุรักษนิยม เป็นพวกล้าหลังสุดโต่ง คิดว่าตัวเองเป็นชนชั้นสูง แตกต่างจากมวลชนคนเสื้อแดงที่มีจุดยืน เพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ โดย นปช.มีจุดยืนด้วยกัน 4 ข้อ คือ 1. ยืนยันว่าการเมืองการปกครองต้องเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัติย์เป็นประมุข 2. ยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจรัฐสภา ไม่ใช่เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นเราต้องปกป้องรัฐสภาและรัฐบาล ที่มาจาการเลือกตั้ง 3. ยืนยันว่าการต่อสู้ของคนเสื้อแดง เป็นไปอย่างสันติวิธี ซึ่งคนเสื้อแดงถูกบิดเบือนมาตลอดว่าเป็นพวกเผาบ้านเผาเมือง พวกล้มเจ้า 4. ต้องต่อต้านรัฐประหารทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการรัฐประหารด้วยกฎหมายหรือกองทัพ

นางธิดากล่าวอีกว่า ขณะนี้รัฐบาลโดนรัฐประหารโดยศาลรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว พลังประชาชนที่ออกมาเป็นจำนวนมาก จะสามารถเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กได้ หลายคนคิดว่าสู้ศาลได้อย่างไร ซึ่งตอนนี้อำนาจการลงโทษไปอยู่ที่ ป.ป.ช.แล้ว ซึ่งตนขอประกาศว่าไม่มีอำนาจไหนใหญ่กว่าอำนาจประชาชน อยากให้ประชาชนออกมาให้ทั่วประเทศ

ประธาน นปช.กล่าวด้วยว่า นี่คือความลับในห้อง เมื่อเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล กลุ่มอำมาตย์เห็นว่ารัฐธรรมนูญ 40 ใช้ไม่ได้แล้ว ระบอบอำมาตย์ไม่มีพื่นที่ในการปกครองประเทศนี้อีกต่อไป การทำรัฐประหาร 49 จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อจัดการรัฐธรรมนูญปี 40 และเขียนรัฐธรรมนูญปี 50 ขึ้นมาใหม่ เพื่อต่อลมหายใจอำมาตย์ และด้วยเหตุนี้จึงไม่ยอมให้แก้รัฐธรรมนูญ บอกว่าให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นการถอยหลังเข้าคลอง เป็นเรื่องที่สุดอนาถสำหรับศาลรัฐธรรมนูญ พูดได้อย่างไรว่าเลือกตั้งเป็นการถอยหลังเข้าคลอง ไม่ยอมให้เลือกตั้งบอกว่าจะทำลายดุลยภาพ ดุลยภาพของใคร ระวังให้ดีก่อนเรายกเลิกชุมนุม ต้องถูกถลกหนังหัวทุกคน เราจะชุมนุมทุกวันจนกว่าระบอบอำมาตย์ฉิบหาย จนกว่าระบอบประชาธิปไตยได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน

ด้านนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ได้ขึ้นเวทีปราศรัย ว่า การปราศรัยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ มีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงการปกครองอย่างชัดเจน ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และกฎหมายอาญามาตรา 113 เพราะฉะนั้นระหว่างสมาชิกรัฐสภาที่แก้ไขรัฐธรรมนูญ กับนายสุเทพ อยากถามว่าใครกันแน่ที่เป็นกบฏ

นายสมบัติกล่าวต่อว่า มีเพียง 2 สิ่งที่ไม่มีวันตาย คือคนเสื้อแดงกับแมลงสาบ ซึ่งจะต้องอยู่สู้กันตลอดไป อย่างไรก็ตาม นายสุเทพนั้นเคยเป็น ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เป็นคนที่ทำให้ประชาชนล้มตายจากการขอคืนพื้นที่ ซึ่งภาพเหล่านี้คนยังไม่ลืม แต่ก็รู้สึกแปลกใจที่ผู้ชุมนุมที่ราชดำเนินกลับเดินตามแกนนำที่เป็นฆาตกรได้ ขอย้ำว่านายสุเทพไม่ใช่นักปฏิวัติประชาชน แต่เป็นคนที่ทั้งโลกยังจำได้ว่าเป็นคนที่ทำให้คนออกมาต่อแถวซื้อน้ำมันปาล์ม