"ธงทอง" เผยงานวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 5 ธันวา จัดพระราชพิธีไกลกังวล รับประชาชนเข้าท้องพระโรงฯ ไม่ได้เหตุพื้นที่น้อย แต่พร้อมเปิดหน้าวังตั้งจอทีวีให้ชมพระบารมี รับตื่นเต้นไม่เคยเห็นเสด็จออกมหาสมาคมต่างจังหวัด เผยยูเนสโกยกย่อง "พระปกเกล้าฯ - สมเด็จพระศรีพัชรินทรา - หม่อมงามจิตต์บุรฉัตร" บุคคลสำคัญของโลก
วันนี้ (23 พ.ย.) เมื่อเวลา 08.00 น. นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ถึงการเตรียมการจัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวาคม ว่า ในส่วนของรัฐบาลมีภารกิจ 2 ส่วนคือ ส่วนที่หนึ่งเป็นส่วนที่สนับสนุนหรืออำนวยความสะดวกประสานงานกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับงานพระราชพิธีที่จะมีขึ้นเป็นลักษณะพิเศษสำหรับปีนี้ที่วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนที่สองคือส่วนที่รัฐบาลร่วมมือกับส่วนราชการต่าง ๆ จัดกิจกรรมที่เป็นการเฉลิมพระเกียรติ เป็นการถวายพระราชกุศล ในลักษณะต่าง ๆ รวมทั้งกิจกรรมงานสโมสรสันนิบาตที่รัฐบาลจัดทุกปี
นายธงทอง กล่าวว่า การเสด็จออกมหาสมาคมในปีนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้กำหนดที่ท้องพระโรงศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล หัวหิน ก็มีการประชุมหารือระหว่างสำนักพระราชวัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ความเป็นไปได้ที่จะมีพื้นที่รองรับผู้ที่ได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ประมาณ 600 - 700 คน ซึ่งไม่ได้มาก ซึ่งหากประชาชนจะชมพระบารมีจะได้รับความสะดวกมากถ้าติดตามการถ่ายทอดของโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศ ทั้งนี้เราเข้าใจอารมณ์และความรู้สึก คงมีประชาชนที่อยากไปซึมซับบรรยากาศ อยากจะไปให้ใกล้ที่สุด ถึงแม้จะไม่ได้ชมพระบารมีด้วยตัวเอง แต่ว่าอยู่ในบรรยากาศ ซึ่งสามารถที่จะไปอยู่ในบริเวณด้านหน้าพระราชวังฯ ที่ถนนเพชรเกษมได้ อย่างน้อยก็จะดูแลให้มีจอแอลซีดี ให้ประชาชนได้ชมการถ่ายทอด เพราะถ้าอยู่ข้างนอกก็จะไม่เห็นอะไร ดูแลเรื่องความสะดวกต่าง ๆ สุขา พยาบาล น้ำดื่ม การจัดการจราจรต่าง ๆ จะดูแลในส่วนนี้
นายธงทอง กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในส่วนของการถ่ายทอดสดนั้นจะเริ่มถ่ายทอดตั้งแต่ เสด็จออกในเวลา 10.30 น. ส่วนเรื่องจราจร ในช่วงบ่ายวันที่ 4 - 5 ธันวาคม ช่วงเช้า การจราจรบนเส้นทางถนนพระราม 2 จากกรุงเทพฯ ไปหัวหิน จากถนนเพชรเกษมไปหัวหิน อาจจะคับคั่ง และต้องรักษาความปลอดภัย เข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ขอความกรุณาประชาชนที่อยู่ในเส้นทาง การจอดรถบนไหล่ทางของดเว้น จุดกลับรถบางจุดเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะดูแลให้มีจุดกลับรถที่น้อยลง
นายธงทอง กล่าวอีกว่า โอกาสเดียวกันนั้นจะรวบงานอีกหนึ่งงานเข้ามาด้วยคือทหารรักษาพระองค์ถวายสัตย์ปฏิญาณ ในส่วนของทหารชั้นผู้ใหญ่จะเข้าเฝ้าในศาลาราชประชาสมาคม และเป็นผู้กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณ พร้อมกับแถวทหารอีก 12 กองพันที่อยู่ด้านหน้าศาลาราชประชาสมาคม พร้อมด้วยหมู่เชิญธงไชยเฉลิมพล ทั้งหมดใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ประมาณสัก 11.30 น. นี่คือเรื่องของการเสด็จออกมหาสมาคม
"ผมเองก็ตื่นเต้น เพราะในชีวิตที่อยู่มาจนใกล้เกษียณแล้วก็ยังไม่เคยเห็น การเสด็จออกมหาสมาคมในต่างจังหวัด อันนี้เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ที่ออกมหาสมาคมที่ต่างจังหวัด" นายธงทอง กล่าว
นายธงทอง กล่าวว่า ส่วนรัฐบาลได้มีกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติต่าง ๆ มากมาย เรื่องของการจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เรื่องการตักบาตรถวายพระราชกุศล เรื่องของการจัดงานสโมสรสันนิบาต เป็นต้น และมีนิทรรศการพิเศษสักเรื่องหนึ่ง เรื่อง “พระทรงเป็นยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์” จะจัดขึ้นที่สยามพารากอน ระหว่างวันที่ 1 - 10 ธันวาคม นี้ ตนคิดว่าถ้านำพระราชกรณียกิจมาประมวลรวบรวมไว้สักคราวหนึ่ง จะเป็นความสุขใจและความชื่นใจของคนไทยทั้งหลาย ที่ได้รับทราบข้อมูลเหล่านี้ว่าพระเจ้าอยู่หัวของเรา พระทรงเป็นยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์อย่างไร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็มีดำริได้มอบหมายด้วยว่าเสร็จนิทรรศการแล้ว ให้ทำเป็นหนังสือเป็นเล่มเผยแพร่อย่างน้อยเป็นหลัก เป็นฐานเก็บไว้ เผยแพร่ไว้ในห้องสมุดนำขึ้นเว็บไซต์ต่าง ๆ สำหรับสืบค้นได้ก็จะเป็นการเฉลิมพระเกียรติ จะพยายามปรับทุกอย่างให้เป็น 2 ภาษา เพราะนักท่องเที่ยวมาก เขาจะได้รู้ว่าประเทศไทยฉลองอะไรกันอยู่ นอกจากนี้กิจกรรมที่เป็นการเฉลิมฉลองต่าง ๆ ยังมีการแสดงจากประเทศอาเซียน +3 คือจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ที่มาร่วม
ในส่วนของการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ 150 ปี วันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ นั้น นายธงทอง กล่าวว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศเฉลิมพระเกียรติคุณยกย่องว่าทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก ซึ่งทรงเป็นผู้นำอย่างยิ่ง ทั้งในเรื่องการจัดการศึกษาสำหรับสตรี เช่น สิทธิสตรี การเรียนหนังสือของผู้หญิง การพัฒนาความรู้ความสามารถ แม้พระองค์ทรงสวรรคตไปแล้ว ถ้านับตั้งแต่วันที่ทรงเสด็จพระราชสมภพในสมัยรัชกาลที่ 4 และทรงเป็นบุตรของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2557 จะครบรอบ 150 ปี การเฉลิมฉลองของรัฐบาลร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ จะมีการจัดงานอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 - 2558 ประมาณ 2 ปี ซึ่งเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2557 จะมีการจัดทำสารคดีเฉลิมพระเกียรติ เพื่อเป็นการปูพื้นฐานให้หลายคนได้รับรู้พระประวัติ โดยจะมีการเผยแพร่ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์ไปตลอดทั้งปี
“นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งปีนี้ทรงพระชนม์พรรษาครบรอบ 120 ปี พระองค์ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกเช่นเดียวกัน อีกท่านคือหม่อมงามจิตต์บุรฉัตร ณ อยุธยา ครบรอบ 100 ปี หากท่านมีชีวิตอยู่ปัจจุบันท่านก็ครบรอบ 100 ปี ซึ่งทั้ง 2 พระองค์กับ 1 ท่านนี้ ได้รับการยกย่องจากองค์กรเดียวกัน ซึ่งเป็นเกียรติยศและความภาคภูมิใจของคนไทยที่บ้านเมืองเรามีทั้งเจ้านายและสามัญชน มีบุคคลหลากหลายมากที่ทิ้งผลงานที่เป็นมรดกฝากเป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินของเรา ซึ่งเป็นบทเรียนและเป็นแบบอย่างให้แก่ลูกหลานในปัจจุบัน เพื่อจะได้ซึมซับ ได้เรียนรู้ และดำเนินรอยตาม”นายธงทองกล่าว