วิปรัฐฯ ตอกฝ่ายค้านยืนยันทำผิด รธน. ไม่ยื่นคำร้องถอด แต่ขู่ถอด ปธ.สภาฯ แทน ย้อนสมาชิกรัฐสภาปฏิญาณทำหน้าที่ซื่อสัตย์ อัดใช้เทคนิค กม.ตุกติกหวังปลุกมวลชนล้มรัฐ พท.เตรียมยื่นถอด ส.ส.ปชป.ผิด ม.158 เหตุยื่นญัตติเกี่ยวทุจริต ต้องยื่นคำร้องขอตาม ม.271 เสนอ ปธ.รับซักฟอกแค่บกพร่องบริหารราชการ-รอง ปธ.สภาฯ 2 เตือนนักการเมืองอย่าเติมเชื้อไฟ ติงทำลายชาติยุ ปชช.ตีกัน ในหลวงไม่สบายพระทัย อยากให้คุยกัน หวั่นไทยแตกเป็น 2 ประเทศ
วันนี้ (20 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ และนายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะวิปรัฐบาล ร่วมกันแถลงถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย โดยนายพร้อมพงศ์ กล่าวว่าขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันจะไม่ยื่นสำเนาคำร้องยื่นถอดถอนเพิ่มเติมในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งที่ยื่นญัตติเรื่องถือว่ากำลังทำความผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 และมาตรา 271 รวมทั้งกำลังข่มขู่ประธานสภาฯ ว่า จะยื่นถอดถอนข้อหาช่วยเหลือรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์กำลังทำผิด มาตรา 123 ที่บัญญัติว่า “ก่อนเข้ารับหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้ “ข้าพเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ของประเทศ และประชาชน” จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดฝ่ายค้านส่งสำเนาไม่ได้ แม้จะเกรงว่ารัฐบาลจะลอกข้อสอบ ถือว่าเป็นสิ่งที่ฝ่ายค้านจงใจใช้เทคนิคทางกฎหมาย ตุกติกเป็นเกมการเมืองล้มรัฐบาล และปลุกกระแสมวลชนเท่านั้น ดังนั้น ในการประชุมพรรคเพื่อไทยจะเสนอให้ยื่นถอดถอนส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่จงใจทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 158
นายพิชิต กล่าวว่า การยื่นญัตติทำไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรค ที่บัญญัติว่า “การยื่นญัตติเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ และกระทำผิดต่อกฎหมาย จะต้องยื่นคำร้องขอตามมาตรา 271” ดังนั้น ประธานสภาฯ จะดำเนินการต่อไปไม่ได้ จึงจะเสนอให้ประธานสภาฯ รับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียงครึ่งเดียว คือ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับความบกพร่องการบริหารราชการแผ่นดินเท่านั้น
ส่วนนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ว่า ตนไม่อยากจะเปิดรับข่าวสารบ้านเมืองมากนัก เพราะฟังไปก็ปวดหัว สุดท้ายนักการเมืองที่ควรจะทำหน้าที่สร้างความสุขให้แก่ประชาชน กลับทำให้ประชาชนต้องเป็นทุกข์ เพราะจากการลงพื้นที่ตนก็รับรู้ได้ว่าชาวบ้านเขาไม่มีความสุข นักการเมืองอย่างเราควรที่จะช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดีในประเทศไทย ไม่ใช่การเติมฝืนลงไปในเตาตลอดเวลา ทั้งๆ ที่เตามันไม่มีมีไฟ แต่ก็พยายามเติมเชื้อเพลิงเข้าไปอยู่เรื่อย
นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า ไม่ว่าความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้นในประเทศตอนนี้จะเป็นสีอะไรตีกับสีอะไร บ้านเมืองก็เกิดความแตกแยก บรรดานักการเมืองที่อ้างว่ารักในหลวงท่าน แต่กลับยุ หรือพาคนให้ออกมาตีกัน ฆ่ากัน คนพวกนี้ดีแต่พูด เพราะถ้าลูกหลานในบ้านตีกัน จะแดงจะเหลืองก็คือคนไทย พ่อหลวงของเราก็คงไม่สบายพระทัย ถ้าเรารักท่านก็ต้องรักทั้งต่อหน้าและลับหลังด้วย
“สำหรับผม ผมไม่ขอเป็นสีใด มีทั้งเวทีทั้งเหลืองทั้งแดงเคยชวนให้ผมเข้าร่วม แต่ผมปฏิเสธ เพราะสีเดียวที่ผมมี คือ สีของธงชาติ ผมเป็นนักการเมือง ที่ไม่ต้องการตายเพราะการเมือง นักการเมืองตอนนี้เป็นพวกทำลายชาติที่ยั่วยุให้คนไทยฆ่ากันเอง อย่างการประชุมสภาฯ ก็เป็นที่หารือ พูดคุย แต่สุดท้ายตอนนี้กลายเป็นที่ด่ากัน จะไม่เคารพประธานผมไม่สนใจ แต่พระบรมฉายาลักษณ์ที่อยู่เหนือประธานขึ้นไป พวกท่านต้องมีความเกรงใจ จะมาชี้หน้าด่ากันมันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง” นายวิสุทธิ์ กล่าว
นายวิสุทธิ์ ยังกล่าวต่อว่า ตนขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าพูดคุยกัน อย่างตัวผมเองก็เป็นเพื่อนได้กับทุกสีเสื้อ เราไม่เห็นจำเป็นต้องเอามีดไปฆ่าไปแกงกัน นักการเมือง และสื่อมวลชนตอนนี้จะต้องเป็นผู้มีส่วนรับผิดชอบในเหตุการณ์บ้านเมืองที่จะเกิดขึ้น อย่างตนนั้นอายุล่วงเลยมาป่านนี้แล้ว คงเหลือเวลาอีกไม่นาน สุดท้ายก็คงเป็นหน้าที่ของเยาวชนรุ่นหลังที่ต้องดูแลประเทศกันต่อไป เพราะสิ่งที่ตนกลัวมากที่สุดในตอนนี้คือ ความแตกแยกที่จะทำให้ประเทศไทยของเรากลายเป็น 2 ประเทศ
