หัวโจกพรรคเพื่อไทยเตรียมงัดมุกจัดงานวันพ่อราชดำเนิน ยื่นโนติสม็อบพ้นถนน-ย้ายที่ชุมนุม ฝาก “สุขุมพันธุ์” ไปหารือ เย้ย “เทือก” ชุมนุมล้านคนไม่ได้ผล อ้างมี 14 ล้านเสียง ไล่ไปรอเลือกตั้งอีกปีครึ่ง เตรียมถอดเทปเอาผิดผู้ปราศรัยบนเวที ขู่ศาล รธน.ความอดทนมีจำกัด ตัดสินไม่ถูกใจระวังบ้านเมืองลุกเป็นไฟ
วันนี้ (18 พ.ย.) นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำกลุ่มคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ประกาศระดมมวลชนให้ได้ 1 ล้านคน เพื่อล้มรัฐบาลในการชุมนุมวันที่ 24 พ.ย.ว่าการให้รัฐบาลไปหรือไม่ไป ไม่ได้อยู่ที่ม็อบ แต่อยู่ที่หลักการและเหตุผลในการอภิปรายโดยที่สุดต้องมีการลงมติ สิ่งที่อยากขอร้องคืออยากให้ทุกคนทำตามกฎกติกา ถ้าชุมนุมนอกกฎเกณฑ์แล้วมาเถียงกันว่าใครผิดใครถูกคงไม่ได้ต้องดูว่าโดยภาวะของคนที่เป็นผู้ใหญ่คนที่ได้รับผลกระทบคือประเทศชาติ ตอนนี้การท่องเที่ยวควรจะเป็นไฮซีซัน แต่กลายเป็นไฮไครซีส (High Crisis หรือ วิกฤตหนัก)
นายจารุพงศ์ กล่าวอีกว่า ถ้าล้มรัฐบาลโดยไม่มีเหตุผลโครงการของรัฐบาลจะต้องมาทำกันใหม่ทั้งโครงการปรับปรุง โครงสร้างคมนาคม 2.2 ล้านล้านบาท โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 ล้านล้านบาท ขอร้องถ้าหวังดีกับประเทศชาติ ด้วยกัน อย่าเอาเรื่องของพรรคหรือเรื่องที่อยากจะเป็นรัฐบาลมาเป็นเหตุผลมากนัก เพราะเหลือเวลาอีกปีครึ่งก็จะมีการเลือกตั้งใหม่ ถ้ารัฐบาลทำผิดจริงให้อภิปรายมา ฝ่ายค้านรู้ว่าควรทำอะไรอย่างไรถ้าเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย ประเทศชาติจะไม่บอบช้ำ สิ่งที่ฝ่ายค้านทำกำลังทำร้ายประเทศชาติไม่ใช่ทำร้ายพรรคเพื่อไทย อย่าเอาประเทศชาติ หรือสังคมมาบังหน้าอยากให้เคารพกติกา คนที่อภิปรายก็มีแล้ว
ทั้งนี้ สิ่งที่ตนกำลังเป็นห่วงอย่างมากในขณะนี้ คือในการปราศรัยของแกนนำที่เวทีราชดำเนิน มีการให้ร้ายป้ายสีรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน การเอาสถาบันมาเกี่ยวข้องด้วยพรรคจะนำเทปบันทึกเสียงการชุมนุมไปตรวจสอบ โดยหากพบว่ามีการปราศรัยที่ผิดกฎหมายพรรคจะดำเนินคดีตามกฎหมาย
“วิธีการที่พรรคประชาธิปัตย์ทำมาตลอด คือการให้ร้ายป้ายสีโดยเอาสถาบันมาเกี่ยวข้อง ไม่มีใครหรอกที่จะไม่จงรักภักดี จากการติดตามการปราศรัยสองวันพอจุดเรื่องนั้นไม่ติด เรื่องนี้ไม่ติด หันมาเอาเรื่องนี้ ซึ่งใช้ไม่ได้ ถ้าบ้านเมืองไม่สงบความเสียหายจะเกิดขึ้นกับภาพรวม เราห่วงการเอาสถาบันเบื้องสูงมาเป็นเครื่องมือทำลายกัน ซึ่งเขาเริ่มทำแล้วขอฟ้องให้ประชาชนจับตาดู และที่บอกว่าวันที่ 24 พ.ย.จะระดมคนมาให้ได้ล้านคน ก็อยากบอกว่าพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงมา 10 กว่าล้าน ซึ่งเลือกตัวแทนประชาชนมาก็ควรไปวัดกันในสภา บอกว่ามาล้านคนมากดดันให้ออกถ้าผมบอกว่าผมหามาได้มากกว่านั้น จะทำยังไงมันก็ไม่จบ ขอให้ทุกคนช่วยรักษาประเทศชาติดีกว่า” นายจารุพงศ์ กล่าว
นายจารุพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว.ว่า ความยุติธรรมถ้ามีสองมาตรฐานบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ ขีดความอดทนของคนมีจำกัด สิ่งที่คนจะไม่ยอมรับคือความอยุติธรรม ถ้ามีความยุติธรรมที่เป็นสองมาตรฐานบ่อยๆ ปัญหาจะตามมาไม่มีที่สิ้นสุด พรรคไม่ใช่คนก่อแต่เป็นคนแก้ ซึ่งคนก่อไม่เคยหยุดมันจึงไม่จบสิ้น
เมื่อถามว่าคิดว่าคำตัดสินของศาลจะมีผลทางการเมืองอย่างไร นายจารุพงศ์ กล่าวว่า ตนไม่อยากคาดแต่คิดไว้แล้ว ว่าคำที่ออกมาดีสุดน่าจะเป็นอย่างไร แย่สุดน่าจะเป็นอย่างไร พรรคไม่ขอคาดการณ์ เพราะพรรคไม่ใช่ศาล คำตัดสินถ้าเป็นไปด้วยความยุติธรรมและเหตุผลจะบรรเทา และรักษาความสงบเรียบร้อยได้ ถ้าคำติดสินออกมา เป็นสองมาตรฐาน หรือเป็นคำตัดสินที่ใครก็รู้ว่าไม่ใช่จะเกิดความสับสนและไม่ยอมรับอำนาจศาล
“ไม่มีใครถูกใจร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ต้องดูคนส่วนใหญ่จะเห็นอย่างไรศาลต้องคำนึงด้วยว่าถ้าตัดสินแล้วค้านกับความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นเรื่องน่ากลัว” นายจารุพงศ์ กล่าว
ต่อมา นายจารุพงศ์ ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องผ่านสื่อมวลชนไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมบนถนนราชดำเนินว่า รัฐบาลเตรียมจะจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม บนถนนราชดำเนิน ซึ่งต้องมีการใช้พื้นที่ในการตกแต่งไฟ และจัดซุ้มนิทรรศการ จึงฝากไปยังแกนนำผู้ชุมนุม โดยเสนอ 2 แนวทางที่ 1 คือ ให้พักการชุมนุมในช่วงงานพิธี และกลับมาชุมนุมใหม่ และ 2.ย้ายสถานที่การชุมนุม ทั้งนี้ทั้ง 2 แนวทางฝากถึง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไปหารือ รวมถึงเรียกปลัดกรุงเทพมหานครมารับทราบ โดยไม่มีการกดดัน หรือขีดเส้นใต้ว่าจะต้องออกจากพื้นที่เมื่อใด โดยให้กรุงเทพมหานครไปพิจารณา
พร้อมย้ำรัฐบาลจะไม่ใช้ความรุนแรง แต่จะใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว โดยรัฐบาลจะไม่เป็นต้นเหตุนำไปสู่สถานการณ์บานปลาย อีกทั้งส่วนตัวจะไม่ไปพูดคุยกับแกนนำโดยตรง เพราะเกรงการเป่านกหวีดไล่ พร้อมยืนยันรัฐบาลไม่ได้นำงานราชพิธีมาเป็นข้ออ้างในการขอให้ยุติการชุมนุม นอกจากนี้ยังยืนยันว่ารัฐบาล และพรรคเพื่อไทยมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน ไม่ได้เป็นไปตามที่แกนนำบนเวทีพยายามปลุกระดมให้ข้อมูลมวลชนว่ารัฐบาลไม่จงรักภักดี และเห็นว่าเป็นเรื่องเก่า โดยรัฐบาลมีความห่วงใยและไม่อยากให้แกนนำประเด็นนี้มาเป็นข้ออ้างในการล้มรัฐบาล
สำหรับกรณีการเป่านกหวีดไล่บุคคลในรัฐบาลนั้น ที่ประชุมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยได้กำชับมายังตนเองในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า นับจากนี้หากมีหน่วยงาน องค์กร หรือเจ้าภาพงานต่างๆ เชิญรัฐมนตรี หรือบุคคลสำคัญในรัฐบาล ไปร่วมงาน ต้องรับผิดชอบในการดูแลไม่ให้เกิดการเป่านกหวีดไล่ เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้
นายจารุพงศ์ ระบุว่าการประกาศยกระดับการชุมนุมด้วยการระดมพล 1 ล้านคนล้มรัฐบาลนั้น ไม่ได้ประมาท และไม่ได้ท้าทายกลุ่มผู้ชุมนุม แต่เห็นว่าประชาชนกว่า 14 ล้านเสียง สนับสนุนให้รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ดังนั้น ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ รอการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นอีกในหนึ่งปีครึ่ง นอกจากนี้ยังแนะนำให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าเวทีสภา โดยเฉพาะเวทีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งตนเองมีข้อมูลและพร้อมจะตอบประเด็นการอภิปรายอย่างละเอียด และจะตอบโต้ทุกประเด็น พร้อมจะแฉถึงผลการดำเนินงานของพรรคประชาธิปัตย์ตอนเป็นรัฐบาลที่ดำเนินงานอย่างผิดพลาดหลายโครงการ เช่นกัน
นายจารุพงศ์ เปิดเผยว่า ในวันนี้นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุม เตรียมการจัด ครม.สัญจร ที่ จ.สงขลา ในปลายเดือนนี้ ซึ่งยอมรับว่า หากการลงพื้นที่แล้วเสี่ยงต่อการปะทะและเกิดเหตุรุนแรง ก็มีความจำเป็นที่ต้องงดการประชุมไปก่อน แต่ตอนนี้ยังยืนยันจะจัดประชุมในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งจะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และฝ่ายความมั่นคงไปประเมินสถานการณ์ ทั้งนี้เห็นว่าการประชุม ครม.สัญจร ประชาชนในพื้นที่จะได้รับโอกาสในการพัฒนากลุ่มจังหวัด เพราะการประชุม ครม.จะอนุมัติงบประมาณให้แต่ละจังหวัดนำไปพัฒนาไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับประชาชนในจังหวัดนั้นตัดสินใจ
นายจารุพงศ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ในวันพรุ่งนี้จะประชุมพรรคเพื่อไทย และจะประเมินถึงการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ใน 8 เขต หลังจาก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลาออกมาเป็นแกนนำผู้ชุมนุม โดยส่วนตัวมองว่าการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง หรือเหตุสุดวิสัย ดังนั้นพรรคจะต้องประเมินสถานการณ์ว่า หากส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง และมีการเผชิญหน้าอย่างมาก ทั้งการปราศรัยโจมตีการเป่านกหวีดไล่ ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ดี และขณะนี้พรรคเพื่อไทยพอใจในจำนวนที่นั่ง ส.ส.ที่มีอยู่ โดยการประเมินอาจจะส่งหรือไม่ส่งตัวผู้สมัครทั้ง 8 เขต
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังระบุว่า ทางพรรคได้เตรียมทางออกสำหรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว.ไว้ถึง 3 แนวทาง คือ เป็นบวก เป็นลบ หรือกลางๆ โดยทุกแนวทางมีการเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
นายจารุพงษ์ ยังเปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมกับผู้ว่าราชการ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อเตรียมการประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.สงขลาในวันที่ 29-30 พ.ย.นี้ ว่า นายกรัฐมนตรีให้กลุ่มจังหวัดภาคใต้ดูในเรื่องแผนพัฒนา กลุ่มจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในปีงบประมาณ 2557 วงเงิน 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะอาหารฮาลาลและพัฒนาเส้นทางด่านชายแดน อ.สะเดา จ.สงขลา เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ซึ่งพบปัญหาเรื่องขยะ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเข้าไปดูแล เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการทั้ง 5 จังหวัด ได้รายงานสถานการณ์การเคลื่อนไหวระดมพลเข้าร่วมชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย. นี้ พบว่า มีการจัดเตรียมรถเพื่อขนคนไว้แล้ว ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นคนไทยด้วยกันไม่อยากให้เกิดความรุนแรง ส่วนวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว. ขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น อยากเห็นศาลตัดสินออกมาแล้วสร้างความสงบเหมือนกับศาลโลกที่ตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร และพรรคเพื่อไทยพร้อมรับคำวินิจฉัยของศาลไม่ว่าออกมาในแนวทางใด