xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : สำรวจ “ชายแดนไทย-เขมร” ในห้วงเวลาชี้ชะตาพระวิหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทหารไทยและทหารกัมพูชาร่วมกันลาดตระเวณบนปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์
กิตตินันท์ นาคทอง ... รายงาน

หลังการตัดสินคดีเขาพระวิหารของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศผ่านพ้นไป แม้จะมีความอึมครึมในเรื่องของคำพิพากษาที่ยังหาข้อสรุปร่วมกันไม่ได้ว่า ระหว่างไทยกับกัมพูชาฝ่ายไหนจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบกว่ากัน แต่เมื่อดูบรรยากาศตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในห้วงเวลาชี้ขาดว่าใครจะอยู่ใครจะไปนั้นน่าสนใจอย่างยิ่ง

“สันติ เต๊ะเปีย” ช่างภาพหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ให้ข้อมูลกับเราหลังเดินทางไปยังชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เมื่อไม่นานมานี้ บอกเล่าถึงบรรยากาศที่เกิดขึ้น พร้อมกับภาพถ่ายติดไม้ติดมือที่ชี้ให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ ทั้งชาวบ้านในพื้นที่ และทหารของทั้งสองประเทศ

เขากล่าวว่า ในวันแรกเขาได้ไปดูที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ บริเวณนั้นจะมีทหารไทยและกัมพูชาอยู่ร่วมกัน ที่นั่นหากสื่อมวลชนจะเข้าไป ทหารกัมพูชาก็จะรายงานไปยังฐานทัพข้างในเพื่อขออนุญาต แต่ถ้าเป็นชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวก็ยังเปิดให้เข้าชมตามปกติ แต่วันนั้นมีคนมาเที่ยวแค่คนสองคนเพราะเป็นห่วงสถานการณ์

เมื่อเข้าไปยังตัวปราสาทจะมีพื้นที่โล่งบริเวณรอบปราสาท หากลึกเข้าไปตามบันไดถึงพุ่มไม้จะเป็นพื้นที่ของทหารกัมพูชา และเมื่อเลยเข้าไปจะเป็นค่ายทหารของกัมพูชา ก่อนการปะทะกันครั้งที่แล้วทหารกัมพูชาจะเข้ามากางเต็นท์บริเวณเชิงปราสาท จากนั้นก็จะตระเวนร่วม แต่หลังจากการปะทะทหารไทยได้ผลักดันทหารกัมพูชาพ้นจากตรงนั้นทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่พื้นที่จุดนั้นยังเป็นพื้นที่ว่างระหว่างพรมแดน (No Man's Land) ทหารกัมพูชาและทหารไทยจึงได้ร่วมกันลาดตระเวนโดยรอบปราสาท และมักจะหาที่นั่งพักตามจุดต่างๆ โดยรอบปราสาท

ส่วนบุคคลทั่วไปหากจะเข้าไปชมตัวปราสาทก็จะมีด่านตรวจ เพราะเกรงว่าในช่วงสถานการณ์ล่อแหลม สื่อบางคนมาเห็นเกรงว่าจะไปถ่ายภาพฐานของทหารฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งและถูกจับ จึงต้องมีทหารพาไป ส่วนนักท่องเที่ยวทั่วไปก็จะมีทหารดูแลอยู่และแนะนำว่าจุดไหนควรไปหรือไม่ไป ซึ่งจะมีทหารกัมพูชาปะปนอยู่

“ทหารที่เราอยู่ ถ้าเราถอนทหารปุ๊บโดยที่ไม่มีทหารไทยอยู่ เขมรก็จะมายึดตรงนี้เป็นฐาน จึงต้องใช้วิธีการอยู่ดูแลพื้นที่ร่วมกัน คือ ไม่ได้เป็นของไทย ไม่ได้เป็นของเขมร” สันติกล่าว

เมื่อถามว่า การที่ทหารไทยกับทหารกัมพูชาอยู่ร่วมกันไม่ได้มีความขัดแย้งกันเลยหรือ สันติกล่าวกับเราว่า ก็คุยกันปกติ ทหารกัมพูชาที่พูดภาษาไทยยังคุยได้ปกติ ถึงจะมีสถานการณ์ก็ยังคุยกันปกติ แต่ถ้ามันมีปัญหาก็จะเจรจากัน เหตุที่ปะทะกันครั้งที่แล้วเกิดขึ้นที่ปราสาทตาควาย แต่เกิดการปะทะกันที่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย

อย่างไรก็ตาม สันติมองว่า ทหารไทยจะมีความอะลุ้มอล่วยมากกว่า เพราะไม่อยากให้มีปัญหาถึงกับปะทะกัน แต่ถ้าทหารกัมพูชาถ้าฝ่ายไทยล้ำไปสักนิดหนึ่งก็ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ให้ แต่ทหารกัมพูชาก็เดินมาลึกถึง ทหารไทยเดินได้ปริมาณหนึ่ง แต่จะล้ำไปยังด้านหลังไม่ได้ ทั้งวันทหารทั้งสองประเทศก็จะนั่งๆ นอนๆ กันอยู่ตรงนั้น

วันต่อมา สันติเดินทางไปยังปราสาทตาควาย ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือนธม ในวันนั้นสถานการณ์ตรึงเครียดเล็กน้อย ทหารไทยที่อยู่บริเวณด่านตรวจไม่ให้เข้าไปยังด้านในพื้นที่ปราสาท ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 4 กิโลเมตร ซึ่งสองข้างทางที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นสวนยางที่ชาวบ้านคนไทยปลูกไว้

ที่ปราสาทตาควายจะเป็นจุดที่ทหารไทยและทหารกัมพูชาตั้งโต๊ะรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน สันติตั้งข้อสังเกตว่าบริเวณทางเข้าด้านหน้าสถูปทหารกัมพูชาไม่ยอมให้ตั้งโต๊ะกินข้าวด้านหน้าปราสาท ซึ่งอยู่ในฝั่งไทยต้องถอยห่างโต๊ะไปทางต้นไม้ประมาณ 2-3 เมตร และยังกันพื้นที่ไม่ให้รุกล้ำเข้าไป ทหารพรานนายหนึ่งเดินเข้าไปแล้วถูกไล่ออกมา

ทหารไทยนายหนึ่งที่ประจำการอยู่ตรงจุดนั้นเล่าให้สันติฟังว่า ในวันที่เกิดการปะทะกันครั้งที่แล้ว ทหารกัมพูชายิงระเบิดอาร์พีจีใส่ไปยังฐานของปราสาท เพราะนึกว่ามีทหารไทยหลบซ่อนอยู่ในนั้น ทุกวันนี้ยังมีร่องรอยลูกปืน ค. อยู่ที่บริเวณต้นไม้ต้นหนึ่ง ที่อยู่โดยรอบปราสาทตาควาย

เมื่อเราถามถึงปฏิกิริยาของทหารที่เกิดขึ้นหลังการตัดสินของศาลโลก สันติกล่าวว่าเหตุการณ์ยังคงปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทหารไทยพยายามไม่ยั่วยุหรือเคลื่อนไหวสร้างความกดดันให้กับอีกฝ่าย พยายามรอมชอมที่สุดแต่ก็รักษาพื้นที่ไว้ พยายามลาดตระเวนเพื่อรักษาพื้นที่ทั้งวัน ซึ่งฝ่ายไทยถอนกำลังไม่ได้ เพราะฝ่ายกัมพูชาจะยึดพื้นที่ทันที

ถึงกระนั้นพื้นที่ดังกล่าวนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปด้านในได้ แต่ก็ไม่ให้เกินเลยแนวต้นไม้ ไม่เช่นนั้นทหารกัมพูชาจะจับกุม ซึ่งนายวีระ สมความคิด เคยถูกจับกุมเพราะเดินล้ำเข้าไปในป่าซึ่งเป็นที่ราบและเป็นหน้าผาทางลง เข้าใจว่าน่าจะอยากเดินไปดูพื้นที่ตรงจุดนั้น

สันติยังได้พูดคุยกับชาวบ้านที่อยู่ภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แสดงความเป็นห่วงกรณีที่สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาประกาศว่าพื้นที่โดยรอบเป็นของกัมพูชา ชาวบ้านก็บอกว่ามันไม่ใช่ เพราะว่าทหารไทยถอนมาตั้งแต่ปี 2505 แล้ว โดยไม่ติดใจเรื่องตัวปราสาทพระวิหาร แต่ไม่สบายใจที่ภูมะเขือ เพราะเป็นบริเวณที่ชาวบ้านทำกินอยู่

“เขาบอกว่า ตัวปราสาทให้เขมรมันแค่นั้นพอแล้ว แต่พื้นที่ที่เหลือมันไม่ได้ เพราะมันเป็นของคนไทยที่เขาเข้ามาทำกินอยู่ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยที่จะมาเอาพื้นที่ตรงนี้ แล้วเขาพร้อมที่จะอพยพออก แล้วแต่ทหารจะทำอะไรก็ทำ แต่ถ้าถอนทหารไม่ได้ ชาวบ้านเขาไม่เห็นด้วย” สันติกล่าวถึงคำบอกเล่าของชาวบ้านภูมะเขือ

เมื่อถามถึงสถานการณ์บริเวณช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนถาวรและตลาดการค้าชายแดนที่สำคัญ สันติกล่าวว่า เหตุการณ์ปกติ ยังมีการเข้าออกของคนทั้งสองประเทศ แต่ในวันตัดสินคดีเขาพระวิหารนั้นจะปิดตลาดเวลา 11 โมงเช้า จากปกติจะปิดตลาดประมาณ 1 ทุ่มถึง 1 ทุ่มครึ่ง เพราะด่านจะปิด 2 ทุ่ม โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างซบเซา

หลังจากศาลตัดสินเสร็จแล้ว วันต่อมาตลาดก็กลับมาเปิดตามปกติ แต่บรรยากาศยังซบเซาอยู่ เพราะประชาชนยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ พอมาอีกวันหนึ่งบรรยากาศกลับมาคึกคัก คนเข้าเต็มที่ปกติเหมือนเดิม และมีเงินสะพัดเป็นจำนวนมาก

อีกด้านหนึ่งที่โรงพยาบาลพนมดงรัก ก่อนวันตัดสินสันติก็ไปเก็บบรรยากาศ ที่โรงพยาบาลก็จะเตรียมความพร้อมสร้างหลุมหลบภัย ตรงจุดนี้จะต้องรวมผู้บาดเจ็บก็จะส่งมาที่นี่ ด้านหลังเป็นสนามสำหรับเตรียมความพร้อมจอดเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงผู้บาดเจ็บ แต่หลังจากวันนั้นเหตุการณ์ปกติ แต่ชาวบ้านยังไม่มั่นใจ และไม่ค่อยไว้ใจกัมพูชา

ถึงกระนั้น ท่าทีของกัมพูชายังคงปกติอยู่ ยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหว จากการสอบถามชาวกัมพูชาที่พอพูดภาษาไทยได้ก็กล่าวว่า ไม่อยากให้การปะทะกันเกิดขึ้น อยากให้คุยกันมากกว่า เพราะเวลาเกิดการปะทะกันก็เสียกันทั้งสองฝ่าย การทำมาหากินของเขาก็อาศัยประเทศไทย บางคนเช้าเข้ามาเกี่ยวข้าว มีเถ้าแก่หรือนายหน้ามารับมาส่ง เย็นก็กลับ

สันติตั้งข้อสังเกตว่า แม้เหตุการณ์โดยทั่วไปยังปกติ แต่ชาวบ้านที่อยู่ตามแนวชายแดนยังมีความกังวลถึงพื้นที่ทั้งหมด เพราะชาวบ้านที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชายาวประมาณ 800 กิโลเมตร ในรัศมี 4 กิโลเมตรจากชายแดนไทย คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 1 ล้านไร่นั้นยังมีความสับสน ฝ่ายไทยมองว่ายังไม่เสียดินแดน แต่ฝ่ายกัมพูชากลับมองอีกแบบหนึ่ง

“แต่ที่ถามชาวบ้านว่า คำตัดสินของศาลโลกเป็นคุณต่อประเทศไทยหรือไม่ เป็นคุณในด้านไหน คือรัฐบาลยังไม่ประกาศอธิบายให้ชาวบ้านรู้ว่าเป็นคุณด้านไหน เป็นคุณกับประเทศไทย และยังบอกไม่ชัดเจน คล้ายๆ กับว่าปิดบังอะไรอยู่หรือเปล่า ชาวบ้านบางส่วนยังติดใจอยู่” สันติกล่าวทิ้งท้าย


สันติ เต๊ะเปีย

จุดสังเกตบริเวณผ้าใบสีฟ้า จะเป็นพื้นที่ของกัมพูชา หากคนไทยเข้าไปจุดนั้นทหารกัมพูชาจะจับกุมทันที
ปราสาทตาเมือนธม
ค่ายที่พักทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาเมือนธม


ทหารกัมพูชาในปราสาทตาควาย
ทหารไทยและทหารกัมพูชาตั้งโต๊ะรับประทานอาหารกลางวัน บริเวณร่มไม้ถัดออกไปจากปราสาทตาควาย โดยก่อนหน้านี้ทหารไทยต้องการตั้งโต๊ะบริเวณหน้าปราสาท แต่ทหารกัมพูชาไม่ยินยอม


ปราสาทตาควาย



ทหารพรานของไทย (ชุดสีน้ำเงิน) กับทหารกัมพูชา
กำลังโหลดความคิดเห็น