“สุริยะใส” เชื่อการเมืองหลัง 20 พ.ย.ตึงเครียด ไม่ว่าคำวินิจฉัยศาล รธน.จะออกมาทางใด เตือนรัฐบาลดื้อดึง ปลุกมวลชนเผชิญหน้า เป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหารเสียเอง
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่าสถานการณ์การเมืองกำลังเข้าสู่โหมดแห่งความตรึงเครียดมากยิ่งขึ้น และหลังวันที่ 20 พ.ย.ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมาทางใดก็ตาม สถานการณ์ก็ยังไม่มีแนวโน้มจะคลี่คลายลง
“สมมติว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญกรณีคำร้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มาของ ส.ว. เป็นคุณกับฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลที่ชุมนุมอยู่ถนนราชดำเนิน ก็จะทำให้คนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยไม่ยอมรับและสร้างกระแสต่อต้านไม่ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญ ในขณะเดียวกันหากคำวินิจฉัยเป็นคุณกับฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ก็จะส่งผลให้การชุมนุมต้องยกระดับกดดันรัฐบาลมากยิ่งขึ้นเพื่อให้จบภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนตามคำประกาศของแกนนำ ฉะนั้นหลังวันที่ 20 พ.ย.คงมีการเคลื่อนไหวใหญ่ของทั้ง 2 ฝ่าย และมีโอกาสเกิดการเผชิญหน้ากันได้ตลอดเวลา”
นายสุริยะใส กล่าวว่า ที่น่าเป็นห่วงมากขึ้น เพราะรัฐบาลที่มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ไม่ได้วางตัวที่เหมาะสม แต่กลับสั่งกลไกรัฐทุกระดับปกป้องค้ำบัลลังก์ตนเองและสั่งระดมมวลขนมาสนับสนุนเพื่อยืดอายุของตัวเองต่อไป โดยไม่สนใจความขัดแย้งแตกแยกที่จะตามมา ปรากฏการณ์แบบนี้กำลังสร้างเงื่อนไขให้เกิดอำนาจนอกระบบคล้ายๆ เหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ถึงตอนนั้นรัฐบาลจะไปโทษใครก็เป็นเรื่องยากหรือสายเกินแก้
“การชุมนุมไม่ไว้วางใจรัฐบาลเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญและรัฐบาลก็ต้องพิจารณาตัวเอง จะยุบสภาหรือลาออกก็ย่อมทำได้ แต่การปลุกระดมมวลชนมาเผชิญหน้ากับประชานที่เห็นต่างกับรัฐบาลไม่ใช่วิถีของรัฐบาลประชาธิปไตย”