นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตกรณีที่อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีก่อการร้าย โดยระบุว่า การตั้งข้อสังเกตดังกล่าวถือว่าเป็นการกดดันการทำงานของอัยการสูงสุด และองค์กรอิสระ รวมทั้งยังเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากมองว่าอัยการสูงสุดตัดสินตามข้อเท็จจริงและหลักฐาน โดยไม่ได้แทรกแซงการทำงานอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ ดังนั้น จึงควรเคารพการตัดสินใจของอัยการสูงสุด
ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า จะต้องมีการตรวจสอบในกรณีนี้ เนื่องจากกฎหมายอาญา มาตรา 6 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า แม้อยูนอกราชอาณาจักร แต่เป็นตัวการที่ทำให้เกิดปัญหาในราชอาณาจักร ก็สามารถดำเนินคดีได้ ซึ่งฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาว่ามีการใช้ดุลพินิจที่ผิดกฎหมายหรือไม่ โดยจะยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบต่อไป พร้อมคาดหวังว่า นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุดคนใหม่ จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยยึดหลักกฎหมายและข้อเท็จจริง
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า จะยื่นเรื่องต่อนายอรรถพล ภายในสัปดาห์นี้ ให้ทบทวนคำสั่งเดิมของอดีตอัยการสูงสุด เพราะคิดว่าอัยการสูงสุดคนใหม่มีอำนาจที่จะทบทวน หากพบว่าเป็นการกระทำที่มิชอบ
นอกจากนี้ ภายในสัปดาห์นี้จะเดินทางไปยื่นกล่าวโทษอดีตอัยการสูงสุดต่อ ป.ป.ช. กรณีละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แม้อดีตอัยการสูงสุดจะเกษียณไปแล้วก็ตาม แต่ในระหว่างกระทำความผิด ยังคงดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดอยู่ ฉะนั้นไม่ได้หมายความว่าจะพ้นผิดไปด้วย เพราะการกระทำนั้นๆ เข้าข่ายขัดต่อกฎหมาย
ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า จะต้องมีการตรวจสอบในกรณีนี้ เนื่องจากกฎหมายอาญา มาตรา 6 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า แม้อยูนอกราชอาณาจักร แต่เป็นตัวการที่ทำให้เกิดปัญหาในราชอาณาจักร ก็สามารถดำเนินคดีได้ ซึ่งฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาว่ามีการใช้ดุลพินิจที่ผิดกฎหมายหรือไม่ โดยจะยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบต่อไป พร้อมคาดหวังว่า นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุดคนใหม่ จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยยึดหลักกฎหมายและข้อเท็จจริง
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า จะยื่นเรื่องต่อนายอรรถพล ภายในสัปดาห์นี้ ให้ทบทวนคำสั่งเดิมของอดีตอัยการสูงสุด เพราะคิดว่าอัยการสูงสุดคนใหม่มีอำนาจที่จะทบทวน หากพบว่าเป็นการกระทำที่มิชอบ
นอกจากนี้ ภายในสัปดาห์นี้จะเดินทางไปยื่นกล่าวโทษอดีตอัยการสูงสุดต่อ ป.ป.ช. กรณีละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แม้อดีตอัยการสูงสุดจะเกษียณไปแล้วก็ตาม แต่ในระหว่างกระทำความผิด ยังคงดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดอยู่ ฉะนั้นไม่ได้หมายความว่าจะพ้นผิดไปด้วย เพราะการกระทำนั้นๆ เข้าข่ายขัดต่อกฎหมาย