“ยะใส” ซัด “จุลสิงห์” ปิดตาข้างเดียวช่วย “นช.แม้ว” จี้ “อรรถพล” ทบทวนตอบสังคม

“สุริยะใส” ฉะแหลก “จุลสิงห์” จงใจช่วย “นช.แม้ว” ชี้ให้อภัยไมได้ จ่อยื่น ป.ป.ช.ลากคอมาลงโทษ แม้เกษียณแล้วก็ดิ้นไม่หลุด จี้ “อรรถพล” ต้องรื้อคดีใหม่ อย่าโบ้ยให้คนเก่า

วันนี้ (11 ต.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวถึงกรณีที่ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อดีตอัยการสูงสุด ได้มาชี้แจงต่อคณะอนุกรรมาธิการ พัฒนาการเมือง สภาผู้แทนฯ ถึงเหตุไม่สั่งฟ้องคดีก่อการร้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร จึงไม่อยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุดว่า โดยส่วนตัวเห็นว่า นายจุลสิงห์ กำลังจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริงทางกฎหมายอย่างไม่น่าให้อภัย

ทั้งนี้ เพราะหากไปดูประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 6 แม้ผู้สนับสนุนสั่งการจะอยู่นอกราชอาณาจักร ก็ให้ถือว่าเป็นการกระทำความผิดในราชอาณาจักร และความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เข้าข่ายกระทำความผิดตามมาตรา 7 ที่ว่าด้วยการทำผิดนอกราชอาณาจักรอย่างชัดเจน เพราะเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่สี่แยกคอกวัว ที่สี่แยกราชประสงค์ หรือการเผาศาลากลางจังหวัด ก็มีการสั่งการผ่านวีดีโอลิ้งค์อย่างเปิดเผย หรือแม้แต่การเจรจากับรัฐบาลในสมัยนั้นที่จบไม่ลง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่อยากให้จบ

“ข้อเท็จจริงเหล่านี้หลังยุติการชุมนุมมีการเปิดโปงกันเองของแกนนำเสื้อแดงชัดเจน แต่แปลกใจที่นายจุลสิงห์ ปิดตาข้างเดียว และอ้างว่าลักษณะความผิดไปไม่ถึงตัว พ.ต.ท.ทักษิณ” นายสุริยะใส กล่าว

ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้ทางกลุ่มกรีนกำลังปรึกษาทางฝ่ายกฎหมาย เพื่อจัดทำคำร้องกล่าวโทษนายจุลสิงห์ ต่อคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แม้จะเกษียณอายุรชการไปแล้วก็ตาม เพราะว่าการสั่งไม่ฟ้องเป็นการกระทำความผิดในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งถ้าพบว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ก็หนีความผิดไม่พ้นเช่นกัน

“ผมขอเรียกร้องไปถึง คุณอรรถพล ใหญ่สว่าง ในฐานะอัยการสูงสุดคนใหม่ ทบทวนการสั่งไม่ฟ้องดังกล่าว และต้องตอบคำถามสังคมว่าพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 6 และ 7 ของประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่ โดยเรื่องนี้ไม่สามารถปล่อยเลยตามเลย หรือปัดภาระว่าเป็นเรื่องของคนเก่าได้” นายสุริยะใส ระบุ