“อำนวย” เผยหารือฝ่ายกฎหมายสภาแล้ว ถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ก่อน 180 วันไม่ได้ เรียกร้องผู้ชุมนุมสลายตัวกลับบ้านให้รัฐบาลทำงานต่อ เพื่อให้ผ่านเงินกู้ 2 ล้านล้าน และแผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านให้เสร็จก่อน ด้าน ส.ว.กำแพงเพชรโวยม็อบโยงแก้ รธน.มาตรา 190 ล้มรัฐบาล ยันกระบวนการพิจารณาไม่ขัด รธน.
นายอำนวย คลังผา ประธานวิปรัฐบาล แถลงภายหลังการหารือกับฝ่ายกฎหมายของรัฐสภาว่า ทางฝ่ายกฎหมายยืนยันว่า หากวุฒิสภามีมติคว่ำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแล้วส่งคืนมายังสภา ทางสภาจะดำเนินการใดๆ เพื่อให้ร่างนี้สิ้นผลไปก่อนระยะเวลา 180 วันไม่ได้ จะต้องรอจนกว่าจะครบ 180 วันแล้วจึงค่อยนำร่างดังกล่าวเข้าพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ดังนั้นจึงอยากให้ประชาชนที่มาชุมนุมได้เข้าใจว่าสภาไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องของฝ่ายค้านที่จะให้นำร่างดังกล่าวมาพิจารณาก่อน180 วันได้เพราะจะขัดต่อรับธรรมนูญทันที และขอให้ประชาชนได้เข้าใจว่าขณะนี้ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล 4 พรรคร่วมรัฐบาล ส.ส.และ ส.ว.ต่างยืนยันแล้วว่าจะไม่นำร่างดังกล่าวกลับมาพิจารณาอีก จึงควรที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาและให้โอกาสรัฐบาลในการทำงาน
“ขณะนี้ยังมีเรื่องสำคัญ คือ ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่กำลังจะผ่านการพิจารณาของ ส.ว. และโครงการบริหารจัดการน้ำ3.5 แสนล้านที่รัฐบาลกำลังจะรับฟังความเห็นของประชาชนทั่วประเทศแล้วเสร็จ ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วมของประเทศเดินหน้าต่อไปได้ จึงไม่ควรที่ประชาชนจะอยู่ชุมนุมที่จะเป็นการเลยเถิดขับไล่รัฐบาลอีก”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ราชดำเนินไม่มีความมั่นใจต่อรัฐบาล เพราะมีการออกมาชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงนายอำนวยกล่าวยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.นิรโทษ การชุมนุมก็เป็นสิทธิของคนเสื้อแดงเช่นเดียวกับที่ชุมนุมที่ราชดำเนิน
นายพีรพันธุ์ พาลุสุข รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ว่า ที่เสียงข้างมากของศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยโดยเห็นว่าการพิจารณาแก้ไขมาตรา 190 ของรัฐสภานั้น มีการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิถีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เพราะกระบวนการพิจารณาของรัฐสภาไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่นองค์ประชุมไม่ครบ มีการชิงปิดอภิปราย การลงมติไม่เป็นตามกฎหมาย การแก้ไขมุ่งจำกัดอำนาจของรัฐสภาในการตรวจสอบหนังสือสนธิสัญญา อีกทั้งยังมีการไปเคลื่อนไหวคัดค้านภายนอกให้ประชาชนร่วมกันยับยั้งการนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ขึ้นทูลเกล้าฯ โดยอ้างว่ามีการแก้ไขตัดอำนาจการมีส่วนร่วมของประชาชนเปิดช่องให้ฝ่ายบริหารสามารถไปทำสนธิสัญญาทางทะเล เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนที่เป็นพวกพ้องนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง
นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร ในฐานประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 กล่าวยืนยันว่าขั้นตอนการพิจารณาเป็นไปอย่างถูกต้อง ไม่มีข้อบกพร่องในขั้นตอนใดๆ ซึ่งในชั้นกรรมาธิการเห็นว่าการแก้ไขมาตราดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงได้มีการตกลงในการที่จะโหวตที่ละวรรค แต่ยืนยันว่าที่มีการกล่าวหาว่าผิดรัฐธรรมนูญนั้นไม่เป็นความจริงและรู้สึกเสียดายที่ผู้เคลื่อนไหวต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเอาเรื่องนี้มาเกี่ยวข้องและชูประเด็นให้ร่วมกันคัดค้านอย่านำร่างดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ
