ผ่าประเด็นร้อน
3 เหตุการณ์สำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชนทั้งประเทศ ในวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2556 ทั้ง 3 เรื่องล้วนแต่จะมีผลต่อเนื่องต่อการเมือง-เศรษฐกิจ-ความมั่นคงของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ
เริ่มจากช่วงเช้าก็คือ การประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ในวาระแรก เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณาลงมติว่าจะรับ-ไม่รับหลักการ หากไม่มีอะไรพลิกผันที่ประชุมวุฒิสภาจะลงมติด้วยเสียงข้างมาก และน่าจะท่วมท้นไม่รับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ อันจะมีผลทำให้ร่างดังกล่าวต้องถูกส่งกลับไปยังสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ถึงวุฒิสภาลงมติไม่รับหลักการดังกล่าว ก็ไม่มีผลกับเส้นตาย 18.00 น.ของวันจันทร์ที่ 11 พ.ย. ที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศไว้ให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องจัดการฝัง หรือเผาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ให้ออกไปจากสภาฯอยู่ดี
ดูจากท่าทีของแกนนำ ปชป.ที่ขึ้นเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันเสาร์ที่ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มีท่าทีตอบรับกับการที่หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดได้ร่วมกันลงสัตยาบันว่า หากวุฒิสภาลงมติไม่รับหลักการ พรรคร่วมรัฐบาลจะไม่มีการหยิบยกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ขึ้นมายืนยันอีกครั้งหลังครบ 180 วัน โดย ฝ่าย ปชป.ยังมองว่าสัตยาบันดังกล่าวยังวางใจไม่ได้ ต้องเคลื่อนไหวต่อไป
ด้วยเหตุนี้การประชุมวุฒิสภาที่จะไม่รับหลักการร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ดูแล้วก็คงเป็นแค่การให้รัฐบาลเพื่อไทยเอาไปอ้างว่าถอยให้สุดซอยแล้ว วุฒิสภาก็ลงมติไม่รับหลักการแล้ว พรรคร่วมรัฐบาลก็ลงสัตยาบันไปแล้วว่าจะไม่ดัน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ขึ้นมาอีก แล้วพวก สุเทพ-ม็อบต่างๆ จะเอาอะไรอีก จบๆ ไปได้แล้ว
แต่ไฮไลต์มันน่าจะอยู่ที่ระหว่างประชุมวุฒิสภา จะมีการชำระสะสางอะไรกันหรือไม่ ระหว่าง ส.ว.สรรหา หรือ กลุ่ม 40 ส.ว.กับพวก ส.ว.สายเลือกตั้ง และ นิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา
จากเหตุที่นิคมและ ส.ว.สายเลือกตั้ง เล่นใช้วิธีเปิดห้องประชุมวุฒิสภา เมื่อ 8 พ.ย. ทั้งที่ไม่ครบองค์ประชุม ซึ่งตามหลักก็ต้องไม่มีการประชุมกันในห้องประชุม แถมไม่พอยังให้มีการถ่ายทอดทีวีรัฐสภา ตลอดการประชุมโดยเปิดโอกาสให้พวก ส.ว.เลือกตั้งลุกขึ้นซัดพวกกลุ่ม 40 ส.ว.ที่ไม่ได้เข้าประชุมวุฒิสภา เมื่อ 8 พ.ย.ฝ่ายเดียว
ทั้งที่ก็รู้ว่าพวก ส.ว.สรรหาดังกล่าวที่ไม่เข้าประชุมเพราะไม่อยากให้วุฒิสภาเป็นเครื่องมือการเมืองเพื่อช่วยเหลือ นายกฯยิ่งลักษณ์ ที่กำลังจนตรอก แต่นิคมกับพวก ส.ว.เลือกตั้ง กลับฉวยโอกาสถล่ม ส.ว.สรรหาฝ่ายเดียว
หากทั้งสองฝ่าย ส.ว.สรรหา และ ส.ว.เลือกตั้งไม่เคลียร์กันให้ดีก่อนที่จะเริ่มเปิดการประชุม รับรองได้ว่าเวทีประชุมวุฒิสภาวันนี้ เดือดแน่นอน
ถัดจากนั้นก็เป็นเหตุการณ์ที่ 2 ที่คนไทยทั้งประเทศต่างรวมใจเป็นหนึ่งเดียว เพื่อช่วยกันลุ้นผลคดีที่ศาลโลกจะอ่านคำพิพากษาคดีที่ประเทศกัมพูชายื่นขอตีความคำตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร เมื่อปี พ.ศ. 2505 หรือ “คดีเขาพระวิหาร” ที่จะอ่านกันในเวลา 16.00 น.ตามเวลาประเทศไทย
โดยก่อนหน้านี้ทีมสู้คดีเขาพระวิหารของไทย ได้วิเคราะห์โอกาสที่ศาลโลกจะมีคำตัดสินว่าจะมีด้วยกัน 4 แนวทาง
คือ 1. ศาลอาจจะตัดสินว่าศาลไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดี หรือศาลมีอำนาจแต่ไม่เหตุที่จะต้องตีความซึ่งจะทำให้ทุกอย่างกลับไปอยู่ในสถานะเดิมก่อนที่จะมีการยื่นฟ้องที่ศาลโลก
2. ศาลอาจตัดสินว่าขอบเขตพื้นที่โดยรอบปราสาทเขาพระวิหารเป็นไปตามเส้นเขตแดนบนแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ซึ่งเป็นไปตามคำฟ้องของฝ่ายกัมพูชาหรือใกล้เคียง
3. ศาลอาจตัดสินเป็นไปตามคำร้องของฝ่ายไทยหมายถึงขอบเขตปราสาทพื้นที่โดยรอบเขาพระวิหารเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีไทย เมื่อ พ.ศ. 2505
และแนวทางที่ 4 คือ ศาลอาจไม่ตัดสินให้เป็นไปตามคำร้องทั้งของไทยและกัมพูชาโดยอาจจะกำหนดขอบเขตพื้นที่โดยรอบเขาพระวิหารขึ้นมาใหม่
ก่อนที่ผลคำพิพากษาจะออกมาพบว่า ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลและกองทัพ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มีการเตรียมการรองรับผลแห่งคดีที่จะออกมาแล้ว โดยฝ่ายยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี จะแถลงท่าทีของรัฐบาลผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจทันทีเมื่อศาลโลกอ่านคำตัดสินเสร็จโดยกำหนดไว้เบื้องต้นคือ เวลา 19.30 น.ของคืนนี้
ต้องดูกันว่าผลแห่งคดีจะออกมาอย่างไร และจะกลายเป็นประเด็นร้อนเรื่องใหม่ที่ส่งผลต่อรัฐบาล จนยากจะรับมือไหวหรือไม่ แต่หากว่าผลแห่งคดีออกมาเป็นผลดี คนไทยทั้งชาติ ก็จะได้ร่วมยินดีร่วมกัน
และเรื่องที่ 3 ที่เป็นเรื่องร้อนในวันนี้ คือ เส้นตายที่ สุเทพ ประกาศไว้ว่าให้ ยิ่งลักษณ์ ต้องฝัง ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ก่อน 18.00 น. ของวันที่ 11 พ.ย. ไม่ใช่แค่แช่แข็งเอาไว้ 180 วัน ซึ่งดูแล้วยังไงเสียต่อให้วุฒิสภาลงมติไม่รับหลักการ ร่างดังกล่าวก็ยังอยู่ในรัฐสภาอยู่ดี
ดังนั้น ก็เป็นเรื่องที่สุเทพ และแกนนำประชาธิปัตย์ต้องตัดสินใจบอกกับประชาชนแล้วว่าจะนำมวลชนที่ออกมาสนับสนุนการเคลื่อนไหวอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และถนนราชดำเนินไปทางไหนจะยกระดับเป็นการขับไล่รัฐบาล-ต่อต้านรัฐบาล และสภาทาสหรือไม่ หรือว่าจะเลิกแล้วกันไป
เชื่อว่า สุเทพ และแกนนำประชาธิปัตย์ ก็คงต้องคิดหนัก เพราะต้องยอมรับความจริงว่า ประชาชนที่ออกมาคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็นการไปร่วมชุมนุมที่เวทีของประชาธิปัตย์หรือชุมนุมตามสถานที่ต่างๆ เช่นถนนสีลม-แถวสถานีรถไฟฟ้าอโศก-จุฬาฯ-สะพานมัฆวานฯ
เกือบทั้งหมดออกมาร่วมเคลื่อนไหว เพราะไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมล้างผิด
คนกลุ่มนี้ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ-นิสิต นักศึกษา-ข้าราชการ-นักธุรกิจ บางส่วนต้องยอมรับว่าอารมณ์ความรู้สึกยังไปไม่ได้ถึงการ “ไล่รัฐบาล” หรือถึงขั้น “เนรเทศตระกูลชิน-โค่นล้มระบอบทักษิณ” อย่างที่กลุ่มม็อบมัฆวานฯ หรือแม้แต่บางคนในเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พยายามนำเสนอชุดความคิดนี้ต่อสังคม
จึงอยากรู้กันมากว่า เมื่อเส้นตายที่ประกาศไป ยิ่งลักษณ์ ทำไม่สำเร็จ แล้ว สุเทพ จะประกาศอะไรกับประชาชน หลัง 18.00 น. วันนี้ สุเทพ และปชป. จะนำประชาชนไปทางไหน ?
หลังที่ผ่านมาพบว่าสุเทพ และปชป.ก็ยังกั๊กอยู่ โดยบอกว่ายังไม่คิดจะล้มรัฐบาล เอาแค่ต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก่อน ขณะที่อารมณ์ร่วมของคนที่ไปเวทีปชป.ตั้งแต่ตอนอยู่ที่สามเสน และมาถนนราชดำเนิน มีจำนวนมากที่ต้องการให้ยกระดับเป็นขับไล่ยิ่งลักษณ์ได้แล้ว
ดังนั้น หากสุเทพไม่ยกระดับการชุมนุมเป็นการไล่รัฐบาล ก็เชื่อว่าแนวร่วมที่ถนนราชดำเนิน ก็คงหายไปส่วนหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันหากยกระดับเป็นการไล่รัฐบาล ก็เชื่อว่าพวกพลังบริสุทธิ์ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ก็คงหายไปด้วยเช่นกัน เพราะพวกนี้ก็ไม่ได้คิดจะล้มรัฐบาลแต่แค่ไม่เอา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เท่านั้น หากว่าเงื่อนไขเรื่องนิรโทษหมดไป แนวร่วมที่จะมาร่วมไล่รัฐบาล หากสุเทพ นำประชาชนไปทางนั้น ไม่แน่ว่าผู้คนจะมามากเหมือนตอนคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หรือไม่
ทั้งที่จะว่าไปแล้วตอนนี้ การเคลื่อนไหวเพื่อไล่ยิ่งลักษณ์ และสภาทาส ก็มีความชอบธรรมพอแล้ว หลังยิ่งลักษณ์และสภาเพื่อไทย ได้ร่วมสมคบคิดกันทำชั่วต่อแผ่นดินในการเสนอและเห็นชอบกฎหมายนิรโทษกรรมสุดชั่ว
จึงไม่แปลกที่ประชาชนจำนวนมากก็เห็นด้วยว่า มันถึงเวลาแล้ว ที่ ประชาชน จะยกระดับจากต่อต้าน-คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ เป็นการไล่ ยิ่งลักษณ์-สภาทาสเพื่อไทย
ถึงตอนนี้ ก็อยู่ที่ “มติมหาประชาชน”จะเป็นผู้กำหนด หากมวลมหาประชาชนแสดงออกโดยพร้อมเพียงกันว่า ต้องไล่ยิ่งลักษณ์ ต้องให้สภาทาสรับผิดชอบ แต่ถ้าสุเทพ กับพวกประชาธิปัตย์ ไม่กล้าพอ แทนที่ประชาชนจะไล่ยิ่ง ลักษณ์ สงสัยอาจต้องมาไล่ สุเทพ-อภิสิทธิ์ แทน!