ม็อบเคลื่อนไหวร่วมต้าน พ.ร.บ.นิรโทษ เมืองแปดริ้วจุดติดแล้ว

ฉะเชิงเทรา - เริ่มจุดติดแล้วเวทีการเคลื่อนไหวร่วมต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเมืองแปดริ้ว หลังถูกหน่วยงานหลายภาคส่วนพยายามสกัดกั้นทุกวิถีทางมานาน ก่อนประเดิมด้วยเชื้อไฟกองแรกจากการเฝ้าฟังการตัดสินคดีของศาลโลก พร้อมรับฟังการปราศรัยจากแกนนำ ด้านตำรวจเตรียมกองร้อยควบคุมฝูงชนในส่วนที่เหลือคอยต้อนรับ

วันนี้ (11 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณลานสนามหญ้าสวนมรุพงษ์ ด้านฝั่งตรงข้ามโรงเรียนอนุบาลวัดเมือง (ปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์) อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ได้มีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองในการต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และเฝ้ารับฟังการตัดสินคดีเขาพระวิหารของศาลโลก จำนวนเกือบ 300 คน เดินทางมารวมตัวเพื่อร้องเพลงชาติ และรับฟังการปราศรัยจากแกนนำ พร้อมเฝ้าฟังผลการตัดสินคดีเขาพระวิหารจากศาลโลก

โดยมีแกนนำที่นำโดย ดร.บุญเลิศ ไพรินทร์ ส.ส.เขต 1 จ.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เช่น นายชาลี เจริญสุข นายสายัณห์ เกตุประยูร ท่ามกลางการเดินทางมาเฝ้ารอรับฟังผลการตัดสินคดีปราสาทเขาพระวิหาร จากศาลโลก และการปราศรัยของแกนนำ ตั้งแต่เมื่อเวลา 16.00 น. จากจำนวนของผู้มาเข้าร่วมชุมนุมเพียงประมาณ 50 คน ได้ทยอยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 250-300 คน ในช่วงเวลา 18.00 น.

ดร.บุญเลิศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ถูกทางหน่วยงานราชการต่างๆ พยายามที่จะทำการสกัดกั้นขัดขวางไม่ให้มีการชุมนุมต่อต้านกฎหมายล้างความผิด ช่วยคนโกง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปจนถึงผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ รวมทั้งกำนันผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. ต่างๆ พยายามที่จะทำการควบคุมคนในพื้นที่ โดยให้ข้อมูลแต่เพียงด้านเดียว เพื่อไม่ให้ประชาชนออกมาชุมนุมเคลื่อนไหว และยังตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ในเชิงของการสนับสนุน พ.ร.บ.ล้างผิดฉบับนี้ด้วย

ส่วนผลการตัดสินคดีเขาพระวิหารที่ออกมานั้น ถือว่าทางฝ่ายเราเสียเปรียบ เนื่องจากเมื่อสมัย ครม.ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นั้น เราได้มีการขึงลวดหนามบ่งชี้ขอบเขตอย่างชัดเจนแล้ว เฉพาะตัวปราสาทให้แก่กัมพูชา แต่จากผลการตัดสินนั้นถือว่ามีการล่วงล้ำออกมายังด้านนอกมากไปกว่าพื้นที่เดิม ในพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ที่เราไม่ควรจะเสียเพิ่มอีก ในส่วนที่ศาลโลกจะให้เราไปตกลงกันเองกับกัมพูชานั้น อันนี้จึงถือว่าประเทศไทยเราสูญเสีย และถือว่าเป็นการแพ้คดี ส่วนการเคลื่อนไหวต่อไปนั้นต้องรอฟังการเคลื่อนไหวจากในส่วนกรุงเทพฯ ต่อไปด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการเคลื่อนไหวทางการเมืองในซีกฝั่งตรงกันข้ามกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา นั้น ถือเป็นพื้นที่ที่จุดติดยากมากพื้นที่หนึ่ง เนื่องจากประชาชนที่มีความเห็นแตกต่างไปจากรัฐบาลยังคงเกรงกลัวต่ออำนาจ และบารมีของนักการเมืองกระกูลดังในพื้นที่ และหากมีการเคลื่อนไหว เช่น การตั้งเวทีปราศรัย หรือปักหลักชุมนุมอย่างถาวรนั้น จะไม่สามารถทำได้อย่างสะดวก เนื่องจากทางเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งบริหารงานโดยคนในตระกูลการเมืองดัง จะพยายามสกัดกั้นทุกวิถีทาง และไม่ให้มีการใช้พื้นที่มาโดยตลอด

ขณะเดียวกัน ในวันนี้ทาง ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตั้งด่านสกัดกั้นมวลชนไม่ให้เดินทางผ่านเข้ามาสู่ตัวเมืองได้โดยสะดวกเช่นกัน และยังได้มีการระดมพลกองร้อยควบคุมฝูงชน ที่ยังหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ จากการที่เพิ่งถูกส่งกลับมาพักผ่อน หลังจากได้มีการระดมกำลังส่งเข้าไปช่วยในกรุงเทพฯ ให้เข้ามาประจำการเตรียมความพร้อมยังที่ ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ไว้อีกด้วย