เลขาธิการนายกฯ ปัดจ้อม็อบล้มรัฐบาลพวกซากเดนประชาธิปไตย แถอ้างถึงพวกที่ไม่รักประชาธิปไตย ปัดลาออกเลขาธิการนายกฯ รมช.พาณิชย์ แกนนำแดงอ้าง ปชป. ขนม็อบสมทบ 11 พ.ย. เปิดศาลประชาชนพิพากษารัฐบาล เรียกทหารยึดอำนาจ “หมวดเจี๊ยบ” โต้ดะยันไม่คิดส่งสไนเปอร์ฆ่า “อภิสิทธิ์-สุเทพ” เย้ยถ้าเข้าตาจนแค่ยุบสภาเลือกตั้งใหม่
วันนี้ (10 พ.ย.) นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ขอชี้แจงกรณีมีผู้ที่บิดเบือนการให้สัมภาษณ์ของตนว่า “คนที่ล้มรัฐบาล หรือผู้ชุมนุมเป็นซากเดนประชาธิปไตย” นั้น ขอยืนยันว่า ที่ผ่านมาตนรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย และทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มประชาชนที่มาประท้วงด้วยความบริสุทธิ์ใจ ได้ให้เกียรติ และรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างเสมอ แต่สิ่งที่นักการเมืองฝ่ายค้านพยายามบิดเบือนเพื่อเป็นการปลุกปั่นมวลชนด้วยการนำคำพูดของตน ทำให้เข้าใจผิดเพื่อให้เกิดความเกลียดชัง เป็นสิ่งที่ไม่สมควร เพราะคำว่าซากเดนที่ตนหมายถึงนั้น คือ พวกที่ไม่รักประชาธิปไตย ตามคำให้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังยืนยันว่ายังไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตามที่มีข่าวบนสื่อออนไลน์ เป็นเพียงข่าวลือ ขณะเดียวกัน ตนเองกำลังนั่งปฎิบัติภารกิจในตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อยู่ที่ห้องทำงาน ตึกไทยคู่ฟ้า กำลังโพสต์ข้อความที่ตัวเองถูกโจมตีทางการเมืองอยู่ในขณะนี้
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะระดมพลจากต่างจังหวัดมาสมทบกับเวทีราชดำเนินในวันที่ 11 พ.ย. ต้องการให้มากที่สุดตั้งแต่เริ่มชุมนุมเพื่อเปิดศาลประชาชนพิพากษารัฐบาล ร้อยทั้งร้อยในบรรยากาศการชุมนุมผู้คนจะตะโกนว่ารัฐบาลต้องออกไปเหมือนกับการอ้างว่าขอความเห็นชอบเรื่องต่างๆ จากหน้าเวทีซึ่งผู้ชุมนุมจะแสดงออกตามที่แกนนำต้องการ เมื่อศาลประชาชนพิพากษาแล้วก็วางแผนจะเดินขบวนไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลในวันรุ่งขึ้น อ้างว่าไม่มีความชอบธรรมอีกต่อไป ยืนยันว่านี่ไม่ใช่การคาดการณ์แต่เป็นข่าวที่มาจากวงใน รวมถึงการเตรียมขยายผลเชิงลบหากการตัดสินคดีของศาลโลกเป็นผลเสียต่อประเทศไทย ความเคลื่อนไหวแบบนี้สุ่มเสี่ยงว่าอำนาจนอกระบบจะฉวยโอกาสทำลายประชาธิปไตยอีกครั้ง อาจมาในรูปรัฐประหาร หรือแบบอื่นๆ เพราะเชื่อว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเป็นกระแสสูง
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ดูเหมือนทฤษฎีสมคบคิดที่ตื้นเขินแต่ขึ้นชื่อว่าเผด็จการย่อมไม่มีอะไรซับซ้อนเกินกว่าจะสัมผัสได้ สังเกตไหมว่าเวทีพรรคประชาธิปัตย์ตอบโต้ทุกประเด็นของรัฐบาล แต่เรื่องที่ผมบอกว่าปลายสัปดาห์ก่อน นายสุเทพ นัดพบกับผู้มีบารมีคนหนึ่งที่ แปซิฟิก คลับ แถวสุขุมวิท แล้วพูดคุยกันเรื่องสถานการณ์ชุมนุมในลักษณะร่วมขบวนการกลับไม่มีเสียงตอบโต้ใดๆ บนเวทีก็มีการเชิญชวนให้ทหารออกมาเป็นระยะ เพื่อให้ชัดเจนว่านี่คือ การนำพาประเทศไปตามแนวทางประชาธิปไตย ขอเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์แสดงจุดยืน ประกาศไม่ยอมรับการรัฐประหาร และจะออกมาต่อต้านทันทีหากเกิดขึ้น แสดงจุดยืนไม่ยอมรับอำนาจรัฐจากกระบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และถอดชนวนความตึงเครียดในสังคมโดยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแล้วยุติเวทีชุมนุม เอาทุกเรื่องที่พูดกันบนเวทีไปว่ากันในสภาฯ ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน อย่าอ้างว่าแพ้เสียงข้างมากเพราะหากรัฐบาลขาดความชอบธรรมจริงก็ฝืนความจริงที่ปรากฏต่อประชาชนไม่ได้ เหมือนกรณี ส.ป.ก. 4-01 ที่รัฐบาลประชาธิปัตย์จนมุมในสภาจนต้องคืนอำนาจให้ประชาชนมาแล้ว
“ผมคาดหวังว่าการล้มล้างประชาธิปไตยจะไม่เกิดขึ้น แต่เมื่อมองไปในอนาคตกลับเห็นภาพอดีต 7 ปีที่ผ่านมาผุดขึ้นเป็นระยะ ผมเชื่อมั่นว่าเราปฏิเสธมันได้ถ้าเราช่วยกันผลักดันประเทศไทยให้เดินไปข้างหน้าด้วยการรักษาหลักการประชาธิปไตย เงื่อนไขเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมยุติลงแล้วไม่มีทางที่รัฐบาลจะหยิบยกมาพิจารณาอีกต่อไป ผมยอมรับว่า ประชาชนมีสิทธิไม่เชื่อมั่นรัฐบาลแต่ถ้าสมยอมกับเผด็จการทั่วโลกก็จะไม่เชื่อมั่นประเทศไทย เวทีสภาคือ คำตอบ ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์ จะปฏิเสธระบบรัฐสภาไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว” นายณัฐวุฒิ กล่าว
ด้าน ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลขอปฏิเสธว่า ไม่เคยมีความคิดที่จะส่งสไนเปอร์ไปปลิดชีพนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อย่างที่ทั้ง 2 คนนำมาอ้างบนเวทีปราศรัยที่ถนนราชดำเนินแต่อย่างใด รัฐบาลจะเอาชีวิตนาย สุเทพ และนายอภิสิทธิ์ ไปเพื่ออะไร ในเมื่อขณะนี้ทุกฝ่ายต้องการเห็นนายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ เดินขึ้นศาล เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในคดีที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ใช้หรือก่อให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานฆ่า และพยายามฆ่าฯ จากการสั่งการให้ใช้อาวุธเกินความจำเป็นในการสลายการชุมนุมปี 53 จนมีคนตายนับร้อยศพ และบาดเจ็บนับพันราย
ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่รัฐบาลจะต้องไปทำร้ายแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเรื่องความเห็นต่างทางการเมืองถือเป็นเรื่องธรรมดาของระบอบประชาธิปไตยที่ย่อมคิดไม่เหมือนกันได้ แต่ไม่ถึงกับต้องฆ่าแกง หรือเอาชีวิตกัน หากสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤตจนถึงที่สุด ก็แค่ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ คืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินเท่านั้นเอง แต่เหตุที่ นายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ แต่งเรื่องตัวเองจะถูกฆ่าขึ้นมาหลอกผู้ชุมนุมนั้น คงเป็นเพราะต้องการปลุกระดมผู้ชุมนุมให้มาชุมนุมกันมากๆ เพื่อแสดงให้อัยการ ดีเอสไอ และศาลเห็นว่าตัวเองมีพวกเยอะ เพื่อหวังกดดันการพิจารณาคดีของตัวเอง เพราะสิ้นเดือน พ.ย. นี้ ก็จะปิดสมัยประชุมสภาแล้ว ซึ่งจะทำให้นายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองในเรื่องคดี
“แสดงว่าที่ต้องเร่งปลุกระดมคนให้มากๆ ให้ออกมาคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้งๆ ที่ พวกคุณก็รู้อยู่เต็มอกว่า ตอนนี้กฎหมายนิรโทษกรรมมันคว่ำไปหมดแล้ว จึงเป็นการระดมมวลชนเพื่อส่งสัญญาณข่มขู่อัยการ ดีเอสไอ และศาลที่กำลังจะดำเนินคดีตัวเองใช่ไหม หากใช่ ก็แสดงว่า นายสุเทพ และนายอภิสิทธ์ กำลังแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม และกำลังทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรมของประเทศ โดยหลอกใช้ประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรมด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ ทั้งนี้ ขอให้สังคมใช้วิจารณญาณให้ดีในการฟังคำพูดของนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ มิฉะนั้น อาจตกเป็นเครื่องมือแสวงผลประโยชน์ส่วนตัวนายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ ก็เป็นได้” ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าว