xs
xsm
sm
md
lg

“เจ๊สด” แนะทางออกรัฐยุบสภา ชี้พรรคตั้งม็อบไม่ผิด กม. ติงศาล ปชช. “สุเทพ” เกินไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ(แฟ้มภาพ)
“สดศรี” รับห่วงสถานการณ์บ้านเมือง ชี้รัฐถอยล้างผิดเป็นบทเรียน แถมมีคดีพระวิหารรออยู่  ขอทุกฝ่ายอยู่ในกติกา เผยไม่พอใจรัฐที่ทางออกนอกจากชุมนุม แนะรัฐยุบสภา ควรหันหน้าคุยกันอย่าแตกแยก แจง 2 แกนนำ ปชป.ขึ้นเวทีม็อบไม่ถูกยุบพรรค เชื่อล้มรัฐไม่ง่าย ขอ ปชช.อย่ามาสูญเสียเพื่ออำนาจการเมือง ติง “เทือก” จ้อใช้ศาล ปชช.แรงไป เหมือนยุคคอมมิวนิสต์



วันนี้ (10 พ.ย.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มต่างๆ ออกมาชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า ตนรู้สึกมีความเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้เป็นอย่างยิ่ง แม้รัฐบาลจะยอมถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และกฎหมายที่มีลักษณะเกี่ยวข้องออกจากรัฐสภาทั้งหมดแล้ว และประกาศชัดเจนว่าจะไม่นำกฎหมายดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาอีก แต่ปรากฏว่า ยังมีการชุมนุมอยู่ ซึ่งการที่รัฐบาลยอมถอยถือเป็นบทเรียนที่สำคัญ ดังนั้น ขอให้ทุกฝ่ายมีสติ และยึดมั่นในกฎหมาย เพื่อความสงบสุขและความเรียบร้อย เนื่องจากมองว่าประเทศไทยในช่วงเวลานี้ควรจะเดินหน้าไปในทิศทางที่ดีมากกว่ามาขัดแย้งกันเอง ขณะที่ในวันพรุ่งนี้ (11 พ.ย.) ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ก็จะอ่านคำพิพากษาคดีประสาทพระวิหาร ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นบวกหรือลบ ดังนั้น ทุกฝ่ายควรอยู่ในกติกา เพื่อที่จะช่วยกันหาทางออก และแนวทางการแก้ไขให้แก่ประเทศ

                นางสดศรี กล่าวต่อว่า หากประชาชนไม่พอใจในการบริหารงานของรัฐบาล ก็ยังมีกติกาที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ นอกเหนือไปจากการออกมาชุมนุม นั่นคือการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นวิถีทางที่นานาประเทศให้การยอมรับ ซึ่งหากนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจยุบสภา กกต.ก็พร้อมที่จะดำเนินจัดการเลือกตั้ง แม้ว่าจะหมดวาระลงแล้วก็ตาม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล และนายกฯ  กกต.ไม่สามารถไปบังคับได้ ทั้งนี้ มองว่าสถานการณ์ขณะนี้ประชาชนควรหันหน้ามาพูดคุย รักใคร่สามัคคีปรองดอง ขณะเดียวกัน นักการเมืองก็ควรเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพื่อเห็นแก่ประเทศชาติ และประโยชน์ส่วนรวม

            “รัฐบาลได้ถอนทุกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจนสุดซอยแล้ว และพยายามแก้ไขปัญหาทุกจุด เมื่อมีฝ่ายหนึ่งยอมถอยแล้ว อีกฝ่ายก็ควรถอยเช่นกัน เพราะไม่มีใครอยากเห็นประเทศเกิดความขัดแย้ง เกิดการสูญเสียบาดเจ็บ หรือล้มตายจากสถานการณ์ทางการเมือง เราไม่ควรแตกแยกทางการเมือง ควรร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขปัญหา เพื่อทำให้ประเทศพัฒนา” นางสดศรีกล่าว

            นางสดศรี กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ปชป. ขึ้นเวทีปราศรัยจะส่งผลถึงการยุบพรรคหรือไม่ ตนมองว่า หากการชุมนุมอยู่ในกรอบของกฎหมาย และรัฐธรรมนูญก็สามารถทำได้ เพราะไม่มีกฎหมายใดห้ามไม่ให้พรรคการเมืองตั้งม็อบ ถ้าหากการชุมนุมนั้นปราศจากอาวุธ แต่ถ้าหากการชุมนุมเกิดปัญหา หรือความรุนแรงจนถึงขั้นเผชิญหน้า บาดเจ็บ บุคคลที่ต้องรับผิดชอบคือ ผู้บริหารของพรรคการเมือง ส่วนการเปลี่ยนเป้าหมายการชุมนุมมาเป็นการล้มรัฐบาลนั้น ไม่สามารถทำได้โดยง่าย เพราะต่างฝ่ายต่างมีมวลชน การช่วงชิงอำนาจไม่เกิดประโยชน์แก่ฝ่ายใด ดังนั้น ขอให้ประชาชนตระหนัก โดยไม่นำชีวิตตัวเองมาสูญเสียเพื่อให้ฝ่ายการเมืองได้เข้าสู่อำนาจ

            เมื่อถามว่าการที่นายสุเทพ ออกมาระบุว่า เตรียมจัดตั้งศาลประชาชนจัดการกับรัฐบาลนั้น นางสดศรี กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วย เพราะการตั้งศาลประชาชนใช้ในระบบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ ซึ่งการที่นายสุเทพ พูดในลักษณะดังกล่าวเป็นการพูดเกินเลยไป เพราะในที่สุด ศาลยุติธรรมก็จะเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน อย่างไรก็ตาม แม้การชุมนุมเหมือนนายสุเทพ จะได้เสียงข้างมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเสียงข้างมากของการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหนทางตามระบอบประชาธิปไตย


กำลังโหลดความคิดเห็น