“40 ส.ว.” แถลงข่าวจี้รัฐบาลยุบสภา หวังร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯ ตกโดยปริยาย “ส.ว.สมชาย” ปูดพวกล็อบบี วุฒิฯ เลื่อนประชุมพรุ่งนี้ เตือนตำรวจอย่ารุนแรง “นิคม” เรียกประชุมนอกรอบ แต่ให้ “ดิเรก” นั่งประธาน เจอรุมโวยจนเจ้าตัวต้องมาประชุม ลั่นใช้อำนาจเลื่อนถกพรุ่งนี้ เจอด่าลั่น “ส.ว.อุตรดิตถ์” ลั่น ชงเอง อย่ากล่าวหาแบบนี้ ก่อนเถียงกันมัน ประธานวุฒิฯ งัดไม้ตาย ยันเซ็นคำสั่งแล้ว ก่อนลุกหนี
วันนี้ (7 พ.ย.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 13.00 น.ตัวแทนกลุ่ม 40 ส.ว.นำโดย นายสมชาย แสวงการ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม นางพรพันธุ์ บุญยรัตพันธุ์ นายตวง อันทะไชย พ.ต.อ.สนธยา แสงเภา น.ส.วิชุดา รัตนเพียร นายธวัช บวรวนิชยกุล ส.ว.สรรหา นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง นายประเสริฐ ชิตพงศ์ ส.ว.สงขลา ร่วมกันแถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน
โดยนายประเสริฐ กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนออกกมาคัดค้านรัฐบาลที่ออกกฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยผ่านสภาผู้แทนเสียงข้างมากของรัฐบาล ถือว่าเป็นการออกกฎหมายที่ไม่ถูกต้อง สภาแห่งนี้ใช้อำนาจเผด็จการ ดังนั้นถึงเวลาที่จะต้องยุบสภาเพื่อหาทางออกให้ประเทศ และเป็นคืนอำนาจกลับไปให้ประชาชนเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะสภาขณะนี้เดินหน้าต่อไปไม่ได้แล้ว เนื่องจากการออกกฎหมายที่ประชาชนรับไม่ได้ ในฐานะ ส.ว.หลายคนที่ได้หารือกัน จึงขอให้รัฐบาลประกาศยุบสภา สถานการณ์จะได้สงบลง และจะทำให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่โยนมาให้วุฒิสภารับผิดชอบจะได้ตกไปด้วย เพราะแม้ว่าเมื่อครบ 180 วันที่ส่งกลับคืนสภาผู้แทนก็ยังมั่นใจไม่ได้ว่าจะมีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาอีกหรือไม่ ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือการยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน ถือเป็นทางออกที่รัฐบาลแก้ปัญหาในเวลานี้ได้
ด้านนายสมชาย กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจากวันที่ 11 พ.ย.เป็นวันที่ 8 พ.ย.ทราบว่าขณะนี้มีบุคคลภายนอกได้โทร.มาล็อบบีส.ว.ให้มีการประชุมเร็วขึ้น ซึ่ง ส.ว.ไม่ใช่ข้านักการเมือง จึงอยากให้คงวันการประชุมไว้ตามเดิม อย่างไรก็ดี การเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุม ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่ากระทำการรุนแรง มิเช่นนั้น ส.ว.จะแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะการชุมนุมเป็นการปฏิบัติตามกรอบของกฎหมายและต้องการเดินทางมายื่นหนังสือให้กับ ส.ว.เท่านั้น
ต่อมาเวลา 13.30 น.นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ได้เรียกประชุม ส.ว.นอกรอบ เพื่อหารือถึงสถานการณ์บ้านเมือง โดยมี นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี เป็นประธาน แต่กลุ่ม 40 ส.ว.อาทิ พล.อ.สมเจตน์ นายสมชาย นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา คัดค้านว่าทำไมนายนิคม ที่เป็นคนเรียกประชุมเองจึงไม่อยู่ ไม่เช่นนั้นพวกตนจะไม่ร่วมประชุม ทำให้ นายนิคม ต้องเข้าร่วมประชุม พร้อมกับแจ้งว่าจะใช้อำนาจประธาน ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา 15 วรรค 2 นัดประชุมวุฒิสภาเป็นพิเศษ วันที่ 8 พ.ย.เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทำให้ พล.อ.สมเจตน์ ตะโกนโวยวายเสียงดังว่า ถ้าแบบนี้จะเรียกประชุมทำไม พฤติกรรมนายนิคม หมดความชอบธรรมที่จะเป็นประธานต่อไป เพราะรับลูกจากรัฐบาลตลอด โดยมี นายสมชาย ตะโกนไล่ให้ออกไป
ซึ่ง นายนิคม ชี้แจงว่าได้รับหนังสือจากสถาบันการศึกษา นักวิชาการ และกลุ่มองค์กรต่างๆ ต้องการให้วุฒิสภาเร่งรีบแก้ปัญหาบ้านเมือง และรีบพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จึงนำมาหารือกัน แต่ก็ยังถูกกลุ่ม 40 ส.ว.ตะโกนโวยวายตำหนิอย่างรุนแรง โดย นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ ส.ว.สรรหา ถึงกับใช้กำปั้นทุบไปบนโต๊ะ พร้อมกล่าวว่า ถ้าจะใช้อำนาจอย่างนี้ก็ไม่ต้องมาหารือ ขณะที่ นายสมัคร เชาวภานันท์ ส.ว.สรรหา ท้วงติงว่า หากวันที่ 8 พ.ย.องค์ประชุมไม่ครบ เพราะทุกคนเข้าใจแล้วว่าจะประชุมในวันที่ 11 พ.ย.แล้วใครจะรับผิดชอบ ภาระหนักจะตกอยู่ที่ประธาน สังคมจะตราหน้าว่าท่านเองที่ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ ขณะที่ นายสมชาย กล่าวว่า ได้รับคำบอกเล่าจากนางนิลวรรณ เพชระบูรณิน ส.ว.สรรหา ว่าสาเหตุที่จะเลื่อนวันประชุม เพราะมีคนชื่อ “ว” (วิชัย ทองแตง) โทร.มาล็อบบี ส.ว.ซึ่งตนไม่อยากจะกล่าวหาว่าจะมีคนรับจ๊อบ รับงาน รับห่อหรือไม่
ทำให้ นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ ตอบโต้ว่า ตนเองที่เสนอให้เลื่อนวันประชุม และไม่อยากให้กล่าวหากันแบบนี้เหมือนกรณีปล่อยข่าวซื้อตำแหน่งประธานวุฒิฯด้วยรถเบนซ์ แต่จนถึงวันนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่มี ทำให้นายสมชายถึงกับชักสีหน้า พยายามตะโกนบอกให้นางนฤมล หยุดพูด แต่ที่ประชุมยังคงมีการถกเถียงและคัดค้านอย่างหนักจากกลุ่ม 40 ส.ว.โดยไม่ยอมฟังคำชี้แจงจากนายนิคม ทำให้นายนิคม กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ไม่มีการลอบบี้ แต่สถานการณ์ร้อนแรงอย่างนี้ เราจะรอสถานการณ์ทำไม พร้อมกับตัดบทว่า ตนยืนยันจะใช้อำนาจตามข้อบังคับ และขณะนี้ได้เซ็นหนังสือเรียกประชุมในวันที่ 8 พ.ย.แล้ว ส่วนองค์ประชุมจะครบหรือไม่ก็ไม่เป็นไร เมื่อเรียกมาหารือแล้วเป็นแบบนี้ ตนก็ไม่หารือด้วยแล้ว พร้อมกับลุกออกไปจากห้องทันที ทำให้ที่ประชุมถึงกับวงแตก
