รมว.ศธ.ระบุรัฐยอมถอยไม่สุดซอย กลุ่มคัดค้านสบายใจได้ กม.เหมาเข่งไม่ออกในรัฐบาลชุดนี้ ยกข้อดีลดกระแส ข้อเสียล้างผิด ปชช.ตามที่หวังไม่ได้ เสนอวุฒฺฯคว่ำ กม.ไปเลย ก่อนหาทางใหม่ เอาใจคนส่วนใหญ่ที่ไม่พอใจ ให้เหตุเบาลง ส่วนกลุ่มล้มรัฐเป็นแค่ส่วนน้อย ขุดมุกล้มรัฐ-ปชต.พร้อมกัน ชี้สภาแก้ปัญหาการเมืองสันติได้ ล้มระบบชาติเสียหาย รับห่วงพวกรัก ปชต.ขัดแย้งทำอ่อนแอ ทำ ปชต.ถอยหลัง
วันนี้ (7 พ.ย.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์ทางการเมือง ระบุว่าประชุมใหญ่ยูเนสโก ที่กรุงปารีส กลับถึงประเทศไทยช่วงเช้าวันอาทิตย์ ซึ่งตนติดตามเหตุการณ์บ้านเมืองอยู่เกือบตลอดเหมือนกัน เพราะเพื่อนฝูงส่งข่าวให้ทางไลน์บ้าง ทางอีเมล์บ้าง ก็ระทึกใจพอสมควร เท่าที่ดูล่าสุดแม้ว่าผู้ชุมนุมจะยังมีกิจกรรมต่อเนื่องไปอย่างน้อยก็ถึงวันที่ 11 นี้ซึ่งเป็นวันที่วุฒิสภาจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่เหตุการณ์น่าจะคลี่คลายไปได้บ้างเพราะแนวโน้มวุฒิสภาคงจะคว่ำกฎหมายฉบับนี้แน่แล้ว และทางพรรคเพื่อไทยก็ประกาศชัดเจนแล้วด้วยว่าหาก ส.ว.ลงมติไม่ผ่านกฎหมายฉบับนี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็จะไม่ยืนยันและจะปล่อยให้กฎหมายฉบับนี้ตกไป นอกจากนี้ ทางพรรคเพื่อไทยก็ยังมีมติให้ ส.ส.ของพรรคไปถอนร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการนิรโทษทุกฉบับที่ค้างอยู่ในสภาด้วย
นายจาตุรนต์ระบุต่อว่า ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรมโดยเฉพาะการนิรโทษแบบเหมาเข่งสุดซอยนั้นก็คงจะสบายใจได้ว่าจะไม่มีการออกกฎหมายดังกล่าวอีกแล้วอย่างน้อยก็ในรัฐบาลนี้หรืออายุของสภาผู้แทนฯ ชุดนี้ การที่พรรคเพื่อไทยตัดสินใจประกาศเช่นนี้มีข้อดีคือช่วยลดกระแสความขัดแย้งที่มีแนวโน้มที่จะบานปลายลงได้พอสมควรทีเดียว จะมีข้อเสียอยู่บ้างก็ตรงที่ทำให้ไม่สามารถนิรโทษประชาชนทุกฝ่ายตามที่ตั้งใจไว้แต่เดิมซึ่งหลายฝ่ายก็ดูจะเห็นพ้องต้องกันแล้วด้วย แต่จะใช้วิธีให้ ส.ว.รับหลักการแล้วไปแก้กลับมาเป็นแบบร่างของคุณวรชัยก็คงจะไม่ได้แล้วเพราะไม่มีใครไว้ใจใครว่าสุดท้ายจะไม่กลับมาเป็นปัญหาอีก
นายจาตุรนต์เสนอว่า ดีที่สุดวุฒิสภาควรจะมีมติคว่ำกฎหมายฉบับที่ผ่านสภาผู้แทนมานี้ไปเสียเลย ส่วนการจะหาทางนิรโทษประชาชนทุกฝ่ายไม่รวมแกนนำและผู้สั่งการนั้นค่อยไปว่ากันในวันข้างหน้า เมื่อกฎหมายฉบับนี้ไม่ผ่านวุฒิสภาแล้ว เหตุการณ์ยังจะตรึงเครียดต่อไปหรือจะบานปลายร้ายแรงกว่าเดิมหรือไม่นั้น ผมหวังว่าเหตุการณ์น่าจะผ่อนคลายไปได้ไม่น้อยเพราะต้นเหตุที่ทำให้การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีพลังมากก็เพราะผู้คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาของกฎหมายด้วยเหตุผลที่ต่างๆ กัน เมื่อกฎหมายตกไป เหตุที่คนส่วนใหญ่ที่ไม่พอใจก็ย่อมตกไปด้วย ส่วนผู้ที่ยังเคลื่อนไหวต่อไปด้วยเหตุอื่นเช่นต้องการล้มรัฐบาลเป็นต้นนั้น น่าจะเป็นคนส่วนน้อยมากที่ไม่มีเหตุผลที่มีน้ำหนักเพียงพอเพราะการจะเปลี่ยนรัฐบาลยังมีวิธีการตามระบบรัฐสภาให้ดำเนินการได้
นายจาตุรนต์ระบุอีกว่า นอกจากนี้หากจะมีการเคลื่อนไหวต่อไปเพื่อล้มทั้งรัฐบาลและระบบประชาธิปไตยไปพร้อมๆกันก็เป็นเรื่องที่ยิ่งไม่มีเหตุผลเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็แสดงให้เห็นอยู่แล้วว่าเมื่อมีปัญหาความขัดแย้งทางความคิดเห็นทางการเมืองเกิดขึ้น ระบบรัฐสภายังมีวิธีการหาทางออกโดยสันติวิธีได้และที่สำคัญเหตุการณ์ในหลายปีมานี้ก็พิสูจน์ให้ทุกฝ่ายเห็นชัดเจนแล้วว่าการแก้ปัญหาทางการเมืองที่เลยเถิดไปจนนำไปสู่การล้มระบบนั้นมีแต่จะทำให้ประเทศเสียหายหนักกว่าเดิมเข้าไปอีก
ขณะที่ปัญหาใหญ่ที่น่าเป็นห่วงมากๆหลังจากนี้ในความเห็นของ รมว.ศึกษาธิการ ระบุว่า นอกจากอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับระบบประชาธิปไตยเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ก็คือความขัดแย้งในหมู่ผู้รักประชาธิปไตยที่ทำให้พลังประชาธิปไตยจะอ่อนแอลงและที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือการทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยที่จากนี้ไปคงต้องมาตั้งหลักกันใหม่ด้วยความยากลำบากกว่าที่ผ่านมาอีกมากและก็คงต้องใช้เวลานานกว่าที่เคยคิดกัน ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเมื่อบ้านเมืองยังไม่เป็นประชาธิปไตย ก็ต้องพยายามกันต่อไปครับ แม้ว่าจะลำบากยากเย็นเพียงใดก็ตาม