เกาะกระแส
00 บรรยากาศเริ่มคึกคักจุดติดจนร้อนแรงขึ้นมาเรื่อยๆแล้วสำหรับการเคลื่อนไหวต่อต้าน กม.อุบาทว์ ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่มีเป้าหมายล้างผิดให้ ทักษิณ ชินวัตร ทุกคดี ถ้าเปรียบให้เห็นภาพง่ายๆก็คือ "จุดติดแล้ว" เนื่องจากเวลานี้มีทุกกลุ่มกำลังเคลื่อนออกมาต่อต้าน ทั้งนักศึกษา นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัยทั่วประเทศที่ทั้งในนามส่วนตัวและสถาบันที่ออกแถลงการณ์คัดค้านอย่างชัดเจน รวมไปถึงบรรดานักธุรกิจก็ไม่ยอมอยู่นิ่งเฉย หรือแม้แต่พวกศิลปินดารา พร้อมใจกันออกมาด้วย และที่เป็น "สัญลักษณ์"แห่งความเปลี่ยนแปลงในทางปฏิรูปก็คือนักธุรกิจย่านสีลม ที่ออกมารวมตัวประท้วงด้วย เรียกว่า "ไม่มีใครยอมตกขบวน"เป็นอันขาด
00 ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ทุกเวทีบรรยากาศคึกคักไม่ต่างกัน และนี่แหละคือ "พลังมหาชน" อย่างแท้จริง และยังเชื่อว่าคราวนี้เป้าหมายของพวกเขาไปไกลเกินกว่าจะหยุดอยู่แค่ ร่างกม.นิรโทษฯเพื่อ ทักษิณ เท่านั้น แต่นั่นคือการ "ปฏิรูป" อย่างขนานใหญ่ เพราะในเมื่อไหนๆต้องออกมากันแล้วก็ต้องไปให้ไกล และ "คุ้มค่า" หากแม้ว บอกว่า "สุดซอย" อีกฝ่ายก็ต้องเอาให้"สุดๆ"เหมือนกัน อย่าทำให้ "เสียของ"เด็ดขาด
00 เมื่อเห็นแนวโน้มของพลังมวลชนเป็นแบบนี้ จุดติดขึ้นมาแล้ว พร้อมใจกันออกมาจนมีพลังน่าเกรงขามแบบนี้ ก็คงไม่ต้องกังวลแล้วว่า ใครจะสู้ๆหยุดๆ กังวลว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพลพรรคปชป.จะ"หยุดกลางทาง"หรือเปล่า เพราะถ้าลองทำแบบนั้นบอกได้คำเดียวว่า "ฉิบหายแน่" นาทีนี้มีทางเดียวต้องเดินหน้าสู้สุดซอยเหมือนกัน ชาวบ้านจะกลายเป็น"หางเสือ"บังคับให้เดินไปตามความต้องการ ไม่ใช่นักการเมืองหรือใคร และถึงแม้ว่าในที่สุดแล้วหากปชป."ได้ข้อมูลใหม่"แล้วถอนออกไป ก็ยังมีคนอื่นที่"ไม่ยอมถอน"จะร่วมกันเดินหน้ากันต่อไป แต่ถึงอย่างนาทีนี้เมื่อได้เห็นบรรยากาศล่าสุดที่มีการเคลื่อนขบวนนำมวลชนมารวมกันที่เวทีแยกอุรุพงษ์ นาทีนี้ถือว่า มีแต่ประชาชนเท่านั้นจะเป็นฝ่ายกำหนดทิศทาง เพราะผ่านสถานการณ์การเรียนรู้มาอย่างต่อเนื่อง จน"ก้าวหน้าไปไกลลิบ"แล้ว
00 อย่างไรก็ดีที่น่าจับตาก็คือการกำหนดวาระการประชุมของประธานวุฒิสภา นิคม ไวรัชพานิช ในวันที่ 11 พย.ซึ่งตรงกับวันที่ศาลโลกนัดพิพากษาเรื่องพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารพอดี งานนี้เหมือนมีเจตนา"แยกส่วน"ให้มวลชนต่อต้านได้ละล้าละลัง แต่อีกมุมหนึ่งถ้าเป็นแบบนี้มันอาจยิ่งเสี่ยงให้สังคมยิ่งเกิดความโกรธเห็นถึงเล่ห์เหลี่ยมอุบาทว์ที่ทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้ตัวเอง "รอดได้ประโยชน์"อย่างเดียวไม่สนใจใครทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างไรได้เห็นบรรยากาศการเคลื่อนไหว การออกมาของมวลชนในกรุงเทพฯแบบมืดฟ้ามัวดินรวมทั้งในต่างจังหวัด มันก็น่าชื่นใจ ได้เห็นถึงแนวโน้มของ "พี่น้อง"และคนในครอบครัวชินวัตร เห็นทีจะอยู่กันลำบากแล้ว
00 น่าคิดก็คือ"คำพูดปริศนา"ของ สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯที่เตือนให้ระวัง"จงใจ"สร้างสถานการณ์ความรุนแรง เพื่อนำไปสู่การรัฐประหารของ "นายทหารใหญ่"ในกองทัพบางคนที่ ทักษิณ ชินวัตร ได้ซื้อตัวเอาไว้แล้ว เพื่อ "เซ็ทซีโร"ความหมายก็คือ "ออกคำสั่งคณะปฏิวัติล้างผิด"ให้ทุกฝ่าย ซึ่งความหมายเดียวก็คือ ทักษิณ ไม่ต่างจาก พรบ.นิรโทษสุดซอย เพียงแต่ว่าทำได้รวดเร็วทันใจ ซึ่งต้องจับตาให้ดี ส่วน หารใหญ่ที่ว่านั้นคือใคร ถ้ามีโอกาสลองกระซิบ "ตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเคยได้ยินเรื่องแบบนี้บ้างหรือเปล่า !!