พท.เย้ย “มาร์ค-เทือก” ตีสองหน้าสู้นิรโทษกรรม ดักคอ ตร.อย่าสรุปตีหัวเด็ก “กรณ์” เป็นการเมือง

มท.2 โบ้ยนิรโทษกรรมผ่านตามกลไกสภา จวก ปชป.ปลุกม็อบต้านทำตัวเป็นอันธพาล ถาม “สุเทพ-อภิสิทธิ์” สู้จนตายคาเวทีปากกล้าขาสั่น ตีสองหน้าใจก็อยากพ้นผิดหวังดึงแดงสวามิภักดิ์ “เด็จพี่” เสียใจเลขาฯ “กรณ์” โดนตีกบาล ดักคอ ตร.อย่าเพิ่งสรุปเรื่องการเมือง ยกมือที่ 3 ขู่ป่วน

วันนี้ (2 พ.ย.) นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาว่าพิจารณาอย่างรวบรัดนั้น ยืนยันว่าเป็นไปตามกลไกของรัฐสภา และยังต้องผ่านขั้นตอนของวุฒิสภาอีก พรรคประชาธิปัตย์ควรรอดูผลก่อนดีกว่า วันนี้ไม่ทันไรก็ออกมาปลุกม็อบต่อต้าน ทำตัวเป็นอันธพาล แนวทางนี้สังคมไม่ตอบรับเพราะไม่เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมือง ทั้งนี้ ตนสงสัยว่ากรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าจะสู้จนตายคาเวที ไม่สำเร็จไม่เลิกนั้น เป็นอาการปากกล้าขาสั่นหรือไม่ เพราะกำลังตกเป็นผู้ต้องหาฉกรรจ์ ปากก็พูดไปแต่ใจก็อยากได้รับการนิรโทษกรรม เป็นการตีสองหน้าเล่นไปตามบท คือ 1. ได้ใจมวลชน ยกตนเป็นวีรบุรุษ 2. ถ้ากฎหมายผ่านตัวเองก็ได้รับอานิสงส์อัตโนมัติ และ 3. หวังดึงกลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนให้มาสวามิภักดิ์

ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจต่อกรณีที่นายพัสณช เหตะวานิช เลขานุการส่วนตัวของนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ถูกทำร้ายร่างกายหลังเดินทางกลับจากการชุมนุมบริเวณสถานีรถไฟสามเสน การกระทำลักษณะนี้ไม่ว่าเป็นฝีมือใครถือว่าไม่ถูกต้อง คงต้องให้ตำรวจสืบสวนสอบสวนว่าสาเหตุการทำร้ายนั้นเกิดจากอะไร ไม่ควรด่วนสรุปว่าเป็นประเด็นการเมือง เช่นเดียวกับกรณีการลักลอบถอดน็อตรางรถไฟก็ต้องรอสอบสวนข้อเท็จจริง แต่รัฐบาลคงไม่โง่ที่จะทำเพราะต้องรับผิดชอบหากเกิดอะไรขึ้นกับการชุมนุม

นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ยอมรับว่าเป็นห่วงมือที่ 3 ที่อาจฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายเพื่อนำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ต้องดูแลความปลอดภัยและจัดระเบียบการชุมนุมด้วย อย่างไรก็ตาม อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ทบทวนบทบาทตัวเองที่ละทิ้งการทำหน้าที่ในสภาฯ เพื่อมาตั้งเวทีปลุกม็อบข้างถนนว่าสมควรหรือไม่ ถึงเวลาแล้วที่พรรคประชาธิปัตย์ควรปฏิรูปพรรค หันกลับมาทำงานโดยยึดมั่นระบอบรัฐสภาตามที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เคยพูดไว้ดีกว่าไปเล่นการเมืองข้างถนน