ผ่าประเด็นร้อน
แม้หากมองกันแบบไม่ค่อยไว้ใจนัก ว่าการแสดงท่าทีคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับ “สุดซอย” ของแนวร่วม “ระบอบทักษิณ” หลายกลุ่มที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ว่าจะเป็นลักษณะ “อำพราง” เพื่อเอาตัวรอด เพื่อหลอกกินทั้งสองฝ่ายหรือเปล่า นั่นคือต้องการรักษามวลชนเดิมเอาไว้หากินต่อไป และสองเกิดจาก “ความผิดหวังแล้วพาล” หรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ แต่เอาเป็นว่าท่าทีที่เกิดขึ้นมันย่อมกระทบโดยตรงต่อ ทักษิณ ชินวัตร และระบอบทักษิณโดยรวม อันมีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ในนั้นด้วย
แน่นอนว่า กระแสต้านต่อร่างพระราชบัญญัตินิรโทษที่มีเจตนาล้างความที่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขในสาระสำคัญจนผิดเพี้ยน ที่หากวัดจากปฏิกิริยาจากสังคมทั่วไปถือว่ามีอุณหภูมิร้อนแรงขึ้นทุกวินาที เพราะเมื่อพิจารณาจากเจตนาและเนื้อหาสาระแล้ว ล้วนมองออกได้ไม่ยากว่าเจตนาแท้จริงก็คือต้องการช่วยเหลือ “คนโกง” อย่าง ทักษิณ เพียงคนเดียวเท่านั้น และที่สำคัญยังเผยให้เห็นสันดานดิบที่พร้อมจะ “ถีบใครก็ได้” ทิ้งไปให้ไกล หากเห็นว่าไร้ค่า-น่ารำคาญ ดังที่เวลานี้ เขาได้ย่ำยีหัวใจคนเสื้อแดงที่ต้องสูญเสียญาติพี่น้องในเหตุการชุมนุมเมื่อปี 2553 โดยหันไปปรองดองแบบ “เหมาเข่ง” ล้างผิดทุกฝ่าย ทั้งคนสั่งการ แกนนำ โดยเฉพาะคนที่เขาสั่งให้ปลุกระดมว่าเป็น “ฆาตกร” ฆ่าคนเสื้อแดง แต่เพียงแค่เขาต้องการลบล้างความผิดใหักับตัวเอง เพื่อหวังกลับมามีอำนาจ และได้ทรัพย์สินที่ถูกศาลสั่งยึดไป 4.6 หมื่นล้านบาทกลับมาเท่านั้น เขาก็ยอมละทิ้งได้ทุกอย่าง
แม้กระทั่ง “ทรยศต่อความไว้วางใจ” ของคนเสื้อแดงและแนวร่วมอย่างไม่ใยดี
ความต้องการแบบสุดซอยดังกล่าว เริ่มทำให้แนวร่วมหลายกลุ่มได้เห็นธาตุแท้ ทำให้สังคมได้เห็นท่าทีแปลกๆ ของบรรดากลุ่มที่เคยสนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร หรือเลยเถิดไปไกลว่า เขาเป็นสัญลักษณ์นักสู้เพื่อประชาธิปไตยจนทำให้สังคมแทบอ้วกกันมาแล้ว แต่ล่าสุดกลายเป็นว่าคนที่เคยสนับสนุนดังกล่าวอย่างเช่น พวกที่มาจากมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนอะไรนั่น ก็เพิ่งออกมาโจมตี ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยอย่างรุนแรงโดยถึงขั้นระบุว่า “ตระบัตสัตย์” ซึ่งในความหมายแบบชาวบ้านก็ออกมาในแนว “ปลิ้นปล้อน” นั่นแหละ พร้อมทั้งเรียกร้องให้คนเสื้อแดงถอยออกมา อย่าไปคบค้าอุ้มชูคนพวกนี้ ซึ่งท่าทีดังกล่าวก็สอดคล้องเป็นไปทางเดียวกับกลุ่มที่อ้างว่าเป็นนักวิชาการเสื้อแดงอื่นๆ ก็มีท่าทีไม่แตกต่างกัน
ล่าสุดก็ได้เห็นบทบรรณาธิการของ “เครือมติชน” ที่หากติดตามสถานการณ์มาอย่างใกล้ชิดและเข้าใจ ก็ต้องไม่ปฏิเสธว่าพวกเขาอยู่เคียงข้างกับทักษิณ-ระบอบทักษิณ รวมทั้งสนับสนุนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และสนับสนุนการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงมานาน ก็ออกมาแสดงท่าทีคัดค้านร่างพระราชบัญญัติล้างผิดแบบเหมาเข่งฉบับนี้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ช่วยกัน “หยุด” โดยอ้างว่าได้ทำร้ายทำลายสังคม สร้างความตึงเครียดให้เกิดขึ้น พร้อมทั้งสนับสนุนให้กระบวนการยุติธรรมเป็นฝ่ายพิสูจน์
อย่างไรก็ดี นาทีนี้หากมองในมุมของการออกมาคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษฯแบบสุดซอยของกลุ่มแนวร่วมของระบอบทักษิณเหล่านี้ แม้จะมีรายละเอียดไม่เหมือนกัน หรือบางทีบางกลุ่มที่ออกมาต่อต้านส่วนหนึ่งก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าเป็นเพราะตัวเอง “ผิดหวัง” กับร่างกฎหมายฉบับนี้ที่ไม่ได้ครอบคลุมความผิดที่เกี่ยวกับมาตรา 112 เรื่องการ “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” จึงออกมาฟาดงวงฟาดงา เพราะหากพิจารณาจากแนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมที่ว่านั้นมีไม่น้อยที่ดันให้มีการแก้ไขมาตรา 112 กันอย่างเอาจริงเอาจัง และก็มีหลายคนที่กำลังต้องโทษจำคุก
ขณะที่บางกลุ่มก็จำเป็นต้องออกมาแสดงท่าทีคัดค้าน อาจเป็นเพราะกระแสสังคม “รับไม่ได้” กับกฎหมายอุบาทว์แบบนี้ จนเกิดกระแสต่อต้านกันอย่างขนานใหญ่ ดังนั้นเหมือนกับว่าถ้าไม่ออกมาก็จะตกขบวน เกิดผลกระทบในทางธุรกิจ ด้านการสนับสนุนจากสังคมตามมา
แต่ถึงอย่างไรไม่ว่าแนวร่วมพวกนี้จะออกมาด้วยเหตุผลใด อาจเป็นเจตนาดี เป็นเพราะเกิดจาก “ดวงตาเห็นธรรม” ได้เห็นธาตุแท้ของทักษิณ กับพวกจากกฎหมายเหมาเข่งหรือเปล่า แต่อีกมุมหนึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นแล้วว่า “เริ่มออกอาการรวน” กันในหมู่คนกันเองแล้ว ขณะที่สังคมก็เริ่มเคลื่อนไหวต่อต้านหนักข้อขึ้นทุกวัน มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะเริ่มเห็นสัญญาณ ที่คนอย่างทักษิณกำลังเดินเข้าสู่ “ซอยตัน” กลับออกมาไม่ได้มีมากขึ้นเรื่อยๆ!!