xs
xsm
sm
md
lg

กต.เผยศาลโลกอ้างสยามรับอำนาจก่อนพิพากษาพระวิหารปี 05 ทำต้องสู้คดีเขมรขุดให้ตีความใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปลัดต่างประเทศ ยันไทยเป็นภาคีศาลโลกเหตุเป็นสมาชิกสหประชาชาติโดยพฤตินัย แต่ให้สิทธิ์รับอำนาจหรือไม่ก็ได้ ชี้ต้องสู้เหตุเขมรขอตีความเรื่องเดิม เผยเจอสวนขุดสยามเคยรับอำนาจยุคก่อนพิพากษาพระวิหาร จึงเป็นอำนาจสืบทอดพิจารณาคดี ปัดโต้แย้งพวกต้านแค่เล่าข้อเท็จจริง เตือนแสดงความเห็นให้ระวัง

วันนี้ (29 ต.ค.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า การที่มีบางกลุ่มเรียกร้องให้รัฐบาลไทยถอนตัวออกจากการเป็นภาคีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) หลังศาลโลกเตรียมอ่านคำพิพากษากรณีที่ปราสาทพระวิหารที่กัมพูชายื่นคำร้องไปในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ว่า ต้องแยกประเด็นการเป็นภาคีศาลโลก และการยอมรับอำนาจศาลโลก ออกจากกัน ทั้งนี้ ข้อ 93 วรรค 1 แห่งกฎบัตรสหประชาชาติ ระบุว่า สมาชิกทั้งปวงของสหประชาชาติเป็นภาคีธรรมนูญแห่งศาลยุติธรรมระหว่างประเทศโดยพฤตินัย ย่อมหมายความว่าไทยเป็นสมาชิกสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ย่อมมีผลให้ไทยเป็นภาคีศาลโลกโดยปริยาย เพราะฉะนั้นทางเดียวที่ไทยจะถอนตัวออกจากภาคีศาลโลกนั้น คือ ไทยต้องถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกยูเอ็น

“ส่วนการยอมรับอำนาจศาลโลกหรือไม่นั้น ตามข้อ 36 ของธรรมนูญแห่งศาลโลก ระบุว่า รัฐที่เป็นภาคีศาลโลก สามารถประกาศรับอำนาจศาลแบบบังคับเมื่อใดก็ได้ โดยไม่ต้องมีความตกลงพิเศษ แปลว่า รัฐที่เป็นภาคีธรรมนูญศาลโลกมีสิทธิ์ที่จะรับหรือไม่รับอำนาจศาลโลก” นายสีหศักดิ์ ระบุ

นายสีหศักดิ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้ประกาศไม่รับอำนาจศาลโลก แต่กรณีนี้เป็นการขอตีความในคดีเดิมที่ฝ่ายกัมพูชาฟ้องร้อง เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2502 แม้ไทยจะต่อสู้โดยแย้งว่า ไม่รับอำนาจศาลโลก แต่ศาลโลกแย้งว่า ไทยได้ประกาศรับอำนาจศาลโลกไปแล้วเมื่อวันที่ 3 พ.ค.2493 โดยมีระยะเวลา 10 ปี ดังนั้น ในเวลานั้นจึงถือว่าไทยรับอำนาจศาลอยู่ ซึ่งรัฐบาลขณะนั้น แม้ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน แต่ก็ตัดสินใจที่จะปฏิบัติตามในฐานะที่ไทยเป็นสมาชิกยูเอ็น อย่างไรก็ตามการขอตีความใหม่ของกัมพูชากรณีครั้งนี้ จึงถือว่าอำนาจศาลยังสืบทอดมาและมีผลอยู่ ไทยจึงต้องต่อสู้ มิฉะนั้นศาลโลกจะพิจารณาข้อมูลจากฝ่ายกัมพูชาเพียงฝ่ายเดียว

ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงต่อว่า การแถลงครั้งนี้ไม่อยากให้มองว่า เป็นการโต้แย้งกลุ่มใดหรือบุคคลใด แต่กระทรวงการต่างประเทศมีหน้าที่รับผิดชอบต้องเปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆ ให้ครบถ้วน และให้การต่อสู้คดีนั้นเป็นไปด้วยความโปร่งใสที่สุด เข้าใจดีว่ามีกลุ่มต่างๆ มีข้อกังวลและข้อห่วงใย ถือเป็นสิทธิ์การแสดงออกภายใต้ระบอบประชาธิปไตย แต่ในช่วงที่ศาลโลกกำลังจะประกาศคำตัดสินในวันที่ 11 พ.ย.นี้ เรื่องทั้งหมดจึงควรเป็นไปตามข้อเท็จจริง เพราะคำตัดสินมีผลต่อผลประโยชน์ของชาติโดยรวม ภาพลักษณ์และเกียรติภูมิของไทยในสังคมโลก มีผลต่อความสัมพันธ์ต่อประเทศเพื่อนบ้าน และการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน รวมทั้งความผาสุกของประชาชนคนไทยและกัมพูชาตลอดแนวชายแดน

“การแสดงความคิดเห็นต่างๆ ต้องคำนึงว่าต่างประเทศ แม้กระทั่งศาลโลกก็ติดตามอยู่ แต่มีความเชื่อมั่นว่า การพิจารณาภายในประเทศจะเป็นไปตามข้อเท็จจริงต่างๆ จึงอยากให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงเรื่องนี้” นายสีหศักดิ์ ระบุ

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามรับชมการถ่ายทอดสดการอ่านคำพิพากษาในคดีดังกล่าวของศาลโลกได้ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ช่อง 9 และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 16.00 น.ตามเวลาประเทศไทย เป็นต้นไป


กำลังโหลดความคิดเห็น