แก๊งแดง กวป.ขนสาวกบุกศาลปกครองกลาง โวยตุลาการเมินคำฟ้องสั่งฟัน “ศรีสุวรรณ” พ่วงผู้พิพากษาชะลอจัดการน้ำทำน้ำท่วม เลขาฯ โร่แจงย้ำไม่ใช่คู่กรณี แถมคำสั่งจากศาลปกครองสูงสุดแล้วคงทำอะไรต่อไม่ได้
วันนี้ (28 ต.ค.) ที่สำนักงานศาลปกครองกลาง นายศรรักษ์ มาลัยทอง โฆษกกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ กวป. พร้อมแนวร่วมจำนวนหนึ่งเดินทางมาพร้อมรถขยายเสียง เพื่อสอบถามรายละเอียดกรณีได้รับหนังสือตอบกลับจากสำนักงานศาลปกครองกลางว่าตนเองไม่ได้เป็นคู่กรณีในคดีพิพาท จึงไม่อาจรับคำร้องที่ตนเองขอให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ตุลาการศาลปกครองทั้ง 4 คนที่เป็นองค์คณะพิจารณาและมีคำสั่งให้รัฐชะลอโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านโดยให้มีการทำประชาพิจารณ์ก่อน พร้อมกับนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และพวกรวม 45 คน เฉลี่ยความรับผิดชอบต่อประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน เนื่องจากไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองซึ่งเป็นประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุน้ำท่วม และใช้สิทธิเลือกตั้งรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์มาจึงไม่สามารถยื่นฟ้องคดีดังกล่าวได้ แต่ทำไมนายศรีสุวรรณ ซึ่งก็เป็นคนธรรมดาเช่นตนเองยื่นฟ้องกลับได้รับการพิจารณาจากศาล
ด้านนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ซึ่งได้ลงมาชี้แจงด้วยตนเองระบุว่า นายศรีสุวรรณยื่นฟ้องเรื่องนี้ในนามสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ซึ่งศาลได้ตรวจสอบทั้งส่วนเจตนารมณ์การจัดตั้งสมาคาม และข้อกฎหมาย เห็นว่าอยู่ในข่ายที่รับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้ แต่ในส่วนของ กวป.ไม่ใช่คู่กรณี และไม่สามารถร้องได้ ทั้งนี้เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งเช่นนี้ คงจะทำอะไรไม่ได้แล้ว ต้องรอฟังคำพิพากษาต่อไป ซึ่งเมื่อเลขาธิการสำนักงานศาลปกครองยืนยันว่าไม่สามารถทำอะไรได้ทำให้นายศรรักษ์ ไม่ยื่นหนังสืออะไรอีกและนำแนวร่วมเดินทางกลับทันที
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าเมื่อกลุ่ม กวป.เดินทางมาถึงที่ด้านหน้าศาลปกครอง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลฯ พยายามห้ามมิให้นำรถขยายเสียเข้ามาภายใน จนเกือบเกิดเหตุทะเลาะกัน แต่สุดท้ายก็สามารถยุติได้และเจ้าหน้าที่ศาลได้เชิญนายศรรักษ์และแนวร่วมเข้ามาพูดคุยทำความเข้าใจกันภายใน
วันนี้ (28 ต.ค.) ที่สำนักงานศาลปกครองกลาง นายศรรักษ์ มาลัยทอง โฆษกกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ กวป. พร้อมแนวร่วมจำนวนหนึ่งเดินทางมาพร้อมรถขยายเสียง เพื่อสอบถามรายละเอียดกรณีได้รับหนังสือตอบกลับจากสำนักงานศาลปกครองกลางว่าตนเองไม่ได้เป็นคู่กรณีในคดีพิพาท จึงไม่อาจรับคำร้องที่ตนเองขอให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ตุลาการศาลปกครองทั้ง 4 คนที่เป็นองค์คณะพิจารณาและมีคำสั่งให้รัฐชะลอโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านโดยให้มีการทำประชาพิจารณ์ก่อน พร้อมกับนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และพวกรวม 45 คน เฉลี่ยความรับผิดชอบต่อประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน เนื่องจากไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองซึ่งเป็นประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุน้ำท่วม และใช้สิทธิเลือกตั้งรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์มาจึงไม่สามารถยื่นฟ้องคดีดังกล่าวได้ แต่ทำไมนายศรีสุวรรณ ซึ่งก็เป็นคนธรรมดาเช่นตนเองยื่นฟ้องกลับได้รับการพิจารณาจากศาล
ด้านนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ซึ่งได้ลงมาชี้แจงด้วยตนเองระบุว่า นายศรีสุวรรณยื่นฟ้องเรื่องนี้ในนามสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ซึ่งศาลได้ตรวจสอบทั้งส่วนเจตนารมณ์การจัดตั้งสมาคาม และข้อกฎหมาย เห็นว่าอยู่ในข่ายที่รับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้ แต่ในส่วนของ กวป.ไม่ใช่คู่กรณี และไม่สามารถร้องได้ ทั้งนี้เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งเช่นนี้ คงจะทำอะไรไม่ได้แล้ว ต้องรอฟังคำพิพากษาต่อไป ซึ่งเมื่อเลขาธิการสำนักงานศาลปกครองยืนยันว่าไม่สามารถทำอะไรได้ทำให้นายศรรักษ์ ไม่ยื่นหนังสืออะไรอีกและนำแนวร่วมเดินทางกลับทันที
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าเมื่อกลุ่ม กวป.เดินทางมาถึงที่ด้านหน้าศาลปกครอง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลฯ พยายามห้ามมิให้นำรถขยายเสียเข้ามาภายใน จนเกือบเกิดเหตุทะเลาะกัน แต่สุดท้ายก็สามารถยุติได้และเจ้าหน้าที่ศาลได้เชิญนายศรรักษ์และแนวร่วมเข้ามาพูดคุยทำความเข้าใจกันภายใน
