รองโฆษก พท.อ้างไม่ได้ขัดแย้งแก๊งเสื้อแดง จาก กม.นิรโทษกรรม แค่แสดงความเห็นในฐานะมหามิตร เย้ย ปชป.อย่าแสวงหาประโยชน์จากสถานการณ์ เชื่อสมุนแดงไม่หลงกล ขณะเดียวกันห่วง “ไชยวัฒน์” นำม็อบบุญบ้านนายกฯ ค้านอำนาจศาลโลก หวั่นเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว พร้อมซัด “มาร์ค-กรณ์” กุข่าวขึ้นภาษีแวต 10%
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งมีการปรับแก้เนื้อหาโดยกรรมาธิการเสียงข้างมากให้ครอบคลุมถึงระดับผู้สั่งการ รวมถึงลบล้างผลพวงจากคณะกรรมการหรือหน่วยงานต่างๆ ที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ว่า วันนี้เสียงจากพี่น้องประชาชนคนเสื้อแดง ไม่ได้มีคำถามอะไรกับพรรคเพื่อไทย อย่างมีนัยสำคัญ เป็นเพียงความเห็นจากมหามิตร ไม่ใช่ศัตรู และวันนี้เสียงจากพวกเขาต้องการเสนอความเห็นยืนยันว่า ไม่ต้องการให้นิรโทษกรรมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นเอง
ส่วนที่นายอภิสิทธิ์พยายามให้ ส.ส.กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ ส.ส.เสื้อแดง แสดงท่าทีไปเผชิญหน้ากับแนวทางของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จากพรรคเพื่อไทย หรือแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ พยายามท้าทายให้ ส.ส.เสื้อแดงลาออกนั้น เป็นวิธีหากินง่ายแต่หวังกำไรสูงเกินควร จึงขอบอกว่าอย่าพยายามคิด หรือทำอย่างนั้นเลยและอย่าแสวงหาประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ไม่มีทาง จุดยืนประชาธิปไตยของพรรคเพื่อไทยไม่เคยเปลี่ยนแปลง เคารพกติกา รับฟังทุกเสียง
“อยากตั้งคำถามกับนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ 9 ข้อ 1. ยังเชื่อมั่นในระบบรัฐสภาอยู่หรือไม่ 2. การประกาศสะสมกำลังใน 2 เดือน เพื่ออะไร มีแนวทางรูปแบบอย่างไร 3. มีแนวความคิดจะปฏิรูป ปชป.อย่างจริงจังหรือไม่ 4. เป็นผู้สนับสนุนหลักการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลในหลายกลุ่มหรือไม่ และมีกลุ่มใดบ้าง 5. มีความพยายามที่ล้มรัฐบาลด้วยกระบวนการที่ไม่มีในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือไม่
6. ใครกันแน่คือผู้มีบทบาทในการเป่านกหวีดตัวจริง 7. มีการประสานงานทั้งในทางลับและเปิดเผยในการเชื่อมโยงกับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเพื่อเคลื่อนไหวด้วยกันหรือไม่ 8. มีการขนคนเข้ามาเติมตั้งแต่ม็อบสวนลุม สวนยาง และอุรุพงษ์ เพื่อรอเวลาดีเดย์ เคลื่อนขบวนพร้อมกันหรือไม่ 9. มีการตั้งธงจะล้มรัฐบาลภายในสิ้นปีนี้ใช่หรือไม่
นายอนุสรณ์ยังแถลงถึงกรณีนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน ประกาศชุมนุมที่บริเวณทางเข้าบ้านพัก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันที่ 27 ตุลาคม ว่าการแสดงออกใดๆ ที่อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ไม่พึงกระทำ
นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ทุกฝ่าย เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์บริเวณพื้นที่ชายไทย-กัมพูชา หลังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) อ่านคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารในวันที่ 11 พฤศจิกายน ไว้ทุกด้าน พยายามสร้างความเข้าใจกับกำลังพล ประสานกระทรวงการต่างประเทศ จัดทำสารคดีเพื่อให้ประชาชนได้ความรู้ นำข้อเท็จจริงให้กับประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ
“ขอยืนยันว่ารัฐบาลสู้เต็มที่ จริงใจสู้คดีอย่างถึงที่สุด และขอเรียกร้องทุกฝ่ายอย่านำประเด็นนี้ไปทำให้เกิดความขัดแย้ง คนพวกนี้ทำตัวเป็นน้ำมันวิ่งเข้าหากองเพลิงไม่สิ้นสุด การเรียกร้องให้รัฐบาลไทย คนไทยปฏิเสธไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกที่จะตัดสินคดี เป็นการตั้งใจหาประโยชน์จากความขัดแย้ง และหากเกิดกรณีน้ำผึ้งหยดเดียว คนพวกนี้จะรับผิดชอบอย่างไร”
นายอนุสรณ์ยังกล่าวถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุรัฐบาลจะปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่จะมีการปรับขึ้นจาก 7% เป็น 10% เพื่อหวังรายได้เพิ่มอีก 5 หมื่นล้านบาท ว่าวันนี้ สองคู่หู ปชป. กำลังทำสังคมสับสน ปั่นป่วนหนักขอยืนยัน รัฐบาล พท.ยังไม่ได้มีนโยบายปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด โดยยังคงยืนภาษี VAT ของไทยไว้ที่ 7% และรัฐบาลไม่ได้มีความคิดที่จะขึ้นภาษีเพื่อมาอุดรอยรั่วของโครงการรับจำนำข้าวอย่างที่นายอภิสิทธิ์และนายกรณ์เข้าใจ รัฐบาลมีเครื่องมือในการป้องกัน อุดรอยรั่วของโครงการรับจำนำข้าวอย่างเป็นระบบ และที่ผ่านมาก็อยู่ในข่ายป้องกัน แก้ไขการกระทำความผิดในโครงการรับจำนำข้าวได้ดี