หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันดัน พ.ร.ก.นิรโทษกรรมทะลุซอยแน่ อ้างถ้าไม่ยกผิดให้ทุกคนถือว่าขัดรัฐธรรมนูญ รับเป็นไปได้ถ้าสภาดัน พ.ร.บ.ไม่ผ่านจะออกเป็น พ.ร.ก.แทน ขณะเดียวกันไม่ปฏิเสธถ้ากฎหมายนี้ผ่านออกมา “นช.แม้ว” สามารถไปร้องศาลขอคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาทได้
วันนี้ (23 ต.ค.) นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยมีมติเดินหน้าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่มีการแก้ไขในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ว่า จากการที่นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ เนื้อหายกเว้นผู้สั่งการ ถ้าเป็นตามนั้นจะขัดต่อหลักการรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 มาตรา 29 และมาตรา 30 ที่ระบุว่าการจะเขียนกฎหมายแล้วยกเว้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่ได้ ผลการพิจารณาของกรรมาธิการจึงออกมาให้ได้หมดทุกกลุ่ม ต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจโดยอธิบายว่าการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะต้องไม่ขัดกฎหมายแม่ คือกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามว่า คณะกรรมาธิการปรับแก้ให้ครอบคลุมไปถึงคดีที่ คตส.ตรวจสอบการทุจริตด้วยโดยเฉพาะคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ศาลตัดสินแล้ว ซึ่งประชาชนติดใจประเด็นนี้มาก นายจารุพงศ์กล่าวว่า เจตนาการออกกฎหมายไม่คิดว่าครอบคลุมหรือไม่ครอบคลุมใคร ซึ่งหลักการกฎหมายไม่สามารถยกเว้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ในเหตุการณ์และเวลาเดียวกัน ถ้าเขียนยกเว้นกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญก็คลอดออกมาไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อกฎหมายออกมาแล้วความขัดแย้งจะหมดลงจริงบหรือไม่ นายจารุพงศ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีความขัดแย้ง ก็พยายามทำความขัดแย้งให้หมด แต่ถ้ายังเป็นอย่างนี้ ความขัดแย้งจะยังอยู่และหนักขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นขอให้มองกลับทาง อย่าคิดว่าทำแล้วจะเกิดความขัดแย้งอย่างเดียว ถ้าให้อภัยกันก็จะจบทุกอย่างน่าจะไปได้ ถ้าไม่ยอมให้อภัยกัน โดยแบ่งฝ่ายก็จะไปไม่ถึงไหน ส่วนการที่คู่ขัดแย้งโดยเฉพาะแกนนำได้รับประโยชน์จากกฎหมายนิรโทษกรรมก็ถือเป็นสิทธิ
ส่วนจะกลายเป็นว่ารัฐบาลนี้สร้างบรรทัดฐานให้คนออกมาเคลื่อนไหวไม่มีความผิด เพราะจบแล้วก็นิรโทษกรรมนั้น รมว.มหาดไทยกล่าวว่า ก็เหมือนทหารปฏิวัติ เพราะไม่มีความผิด แล้วจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้หรือไม่ เมื่อถามว่ารัฐบาลไม่ห่วงเสถียรภาพหรือเพราะเดินหน้าแล้วทำให้รัฐบาลพัง นายจารุพงศ์กล่าวว่า ไม่ได้ห่วงหรือไม่ห่วง เพราะกรรมาธิการฯ เป็นคนตัดสิน ไม่ใช่สายบริหาร ส.ส.ก็ว่าไปตามหน้าที่ แม้ส่วนใหญ่จะเป็นรัฐบาล กฎหมายถ้ายกร่างแล้วขัดรัฐธรรมจะลากไปได้อย่างไร คงไม่เถียง แต่ฟังเขาพูดมา ต้องยอมรับว่าหลัง 19 ก.ย.ความแตกแยกเกิดขึ้นเยอะ บ้านเมืองไม่สงบ มีทั้งสีเสื้อ มีหน้ากากขาว หน้ากากลิง
ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวคิดที่จะออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมยังมีอยู่หรือไม่ถ้าส.ส.ดันร่าง พ.ร.ก.นิรโทษกรรมไม่ผ่าน นายจารุพงศ์กล่าวว่า ก็อยู่ที่สถานการณ์จะไปอย่างไรต่อ โดยสรุปคือบ้านเมืองมีความแตกแยกทำให้ไม่มีเสถียรภาพทั้งหมดไม่ใช่เฉพาะรัฐบาล แล้วบ้านเมืองจะพัฒนาต่อไปอย่างไร ไม่อยากให้ความขัดแย้งเกิดความร้าวลึกไปมากกว่านี้ ต้องให้อภัยกัน
ต่อข้อถามว่ามองหรือไม่ว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันทำให้รัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้ นายจารุพงศ์กล่าวว่า ไม่ใช่ ไม่อยากให้ไปตีความเช่นนั้น เพราะรัฐบาลต้องการพลังของความสามัคคี เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจนสุดซอยหรือไม่ นายจารุพงศ์กล่าวว่า ก็จะทำอย่างเต็มที่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างทำความเข้าใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะเป็นแรงผลักดันให้สุดซอยหรือไม่ นายจารุพงศ์กล่าวว่า เป็นพันธกิจของสภาฯที่ต้องว่ากันไป ไม่อยากให้มองว่ากฎหมายนี้จะไปเติมไฟ แต่มันจะทำให้ไฟที่มีอยู่มอดดับลง ส่วนตัวไม่อยากให้ใช้คำว่าไฟ แต่มองว่าความแตกแยกที่มีอยู่ทำอย่างไรจะให้จบไป เหตุการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมาเช่น 14 ตุลา ก็มีกฎหมายเพื่อให้อภัยโทษ แม้กระทั่งทุกครั้งที่ทหารเข้ามาทำรัฐประหารก็ให้อภัยกัน สุดท้ายเรื่องก็จะจบ ถ้าไม่อภัยกันเรื่องจะจบได้อย่างไร
เมื่อถามว่าจะมีการใช้กลไกของกระทรวงมหาดไทยมาใช้กับประชาชนหรือไม่ นายจารุพงศ์กล่าวว่า มีการใชัอย่างเต็มที่ แต่ไม่ใช่ออกมาควบคุมการเคลื่อนไหว ไม่อยากให้มีคนที่ออกมาเคลื่อนไหวที่ถูกต้องตามกฎหมาย เราควรทำความเข้าใจกับประชาชน เนื่องจากเป้าหมายคืออยากเห็นบ้านเมืองสงบสุขและเดินไปข้างหน้า ปัญหายังมีอีกมากที่ต้องต่อสู้และก้าว หากยังขัดแย้งก็จะเดินไปไม่ได้ “วันนี้มีลักษณะความแตกแยกและจะแตกแยกขึ้นเรื่อยๆ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องหาวิธีเพื่อให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียว คุยกันรู้เรื่อง”
ส่วนการนำกฎหมายดังกล่าวเข้าสภาฯและหากเกิดความรุนแรงจะชะลอกมาพิจารณาออกไปหรือไม่ นายจารุพงศ์กล่าวว่า ตอบไม่ได้ อย่าคาดการณ์ล่วงหน้า สภาฯ คงทำหน้าที่ของเขาอย่างดีที่สุด ส่วนการเคลื่อนไหวจากต่างจังหวัดนั้น ณ วันนี้ยังไม่มีอะไรมาก มีแต่ข่าวที่พรรคตรงข้ามไปพูดคุยดึงเอาคนมา แต่จะได้มากน้อยแค่ไหนต้องดูกันต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ระบุขะเปิดวาระประชาชนภาคสองทุกวันจันทร์พูดเรื่องการบริหารงานรัฐบาลที่ล้มเหลว นายจารุพงศ์กล่าวว่า เขาก็ทำหน้าที่แตกแยกต่อไป รัฐบาลพยายามจะยุติความแตกแยก ฝ่ายค้านพยายามทำให้แตกแยกออกไปอีก เมื่อถามว่ารัฐบาลมีเสียงข้างมาก คิดว่าจะฝ่าไปได้หรือไม่ นายจารุพงศ์กล่าวว่า ถ้าไม่มีอะไรแทรกซ้อนก็ไปได้ตามมติ ตามระบอบประชาธิปไตย ส่วนการจะยื่นตีความเป็นเรื่องผู้มีหน้าที่ตี ที่ถอยออกมาตรงนี้เพราะรู้ว่าถ้าตีความแล้วกฎหมายนี้จะตก แล้วจะเอาอย่างไร ถ้าตกไปก็ไม่ได้อะไรซักอย่าง แล้วเอาอย่างไร ก็ต้องเดินหน้าไปให้อภัยกันหมด ยืนยันไม่ใช่กฎหมายการเงิน ฝ่ายที่ต้องการจะทำกฎหมายนี้ล้มก็พูดได้ทุกอย่าง เราดูแล้วไม่ใช่เป็นเรื่องการปรองดอง
ผู้สื่อข่าวถามว่าพูดชัดๆ ได้เลยหรือไม่ว่า ถ้ากฎหมายนี้สำเร็จจะไม่มีการคืนเงินให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายจารุพงศ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย ส่วนเขาจะฟ้องขอคืนเงินศาลก็ต้องไปตัดสินอีกที ก็เป็นอีกตอนหนึ่ง แล้วจะไปห้ามเขาได้อย่างไรไม่ให้ไปยื่น เขาขอความยุติธรรมในสังคมนี้การขอความยุติธรรมผ่านศาลนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เป็นบันไดอีกก้าวหนึ่งให้คนที่ถูกยึดทรัพย์หรือไม่ นายจารุพงศ์กล่าวว่า เราไม่ได้มองว่าเป็นของใคร ทำเพื่อใครแต่เรามองทำเพื่อภาพรวม ในที่สุดต้องมีคนได้มากได้น้อย แต่การปรองดองทุกฝ่ายก็ได้มากๆ โอกาสปรองดองก็มีมาก ถ้าออกกฎหมายยกเว้นคนนั้นคนนี้ก็จะมีอีกเรื่องเกิดขึ้นอีก เมื่อถามว่าการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ประชุมห่วงอะไรหรือไม่ นายจารุพงศ์กล่าวว่า ได้หารือกันเรื่องการตั้งกรรมาธิการ 35 คณะ เพราะ 2 ปีครบแล้วอาจจะมีการสับเปลี่ยนกัน