“ม็อบอุรุพงษ์” ออมแรงรอเป่านกหวีด “อุทัย” เชิญชวน 23 ต.ค.นี้ ถวายสักการะพระปิยมหาราช “นิติธร” ไปด้วย แถมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วกรุงเอาฤกษ์เอาชัยโค่นระบอบทักษิณ “ยะใส” เตรียมพบ “หมอประเวศ” บ่ายสอง “เฮียเปี๊ยก” ร้อง ASTVผู้จัดการออนไลน์ เครื่องเสียงถูกเผาเสียหายกว่า 3 แสน ฝากบอกช่วยแจ้งเบาะแสจับตัวคนร้าย ลั่นมีรางวัลให้
เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ที่สี่แยกอุรุพงษ์ นายอุทัย ยอดมณี นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง (อศ.มร.) ในฐานะผู้ประสานงานเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ขึ้นเวทีปราศรัยระบุว่า ในวันที่ 23 ต.ค. ซึ่งเป็นวันปิยมหาราช ตนจะนำผู้ชุมนุมเดินเท้าไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า วางพวงมาลาถวายสักการะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันปิยมหาราช เพื่อเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดี แม้จะอยู่ในพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง แต่ไม่กลัวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสกัดกั้น แต่หากตำรวจใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมจะปักหลักชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล
ขณะเดียวกัน นายอุทัยยังได้กล่าวถึงความเคลื่อนไหวในมหาวิทยาลัยรามคำแหง ว่า ในวันนี้ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีป้ายรณรงค์เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม คปท. ที่ติดไว้โดยรอบมหาวิทยาลัยกว่า 20 จุดนั้นหายไป แต่อธิการบดีไม่อยู่รับหนังสือ กระทั่งรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาได้รับหนังสือ และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยได้ส่งมอบซีดีบันทึกจากกล้องวงจรปิดมหาวิทยาลัยรามคำแหงเพื่อตรวจสอบต่อไป
นอกจากนี้ นายอุทัยยังเน้นย้ำถึงการออกกฎหมายนิรโทษกรรมว่า เป็นการยกประเทศให้ระบอบทักษิณ ซึ่งเป้าหมายของผู้ชุมนุมคือการโค่นล้มระบอบทักษิณ แต่ต้องมองไปถึงการปฏิรูปการเมือง และการเคลื่อนไหวของ คปท. ต่อจากนี้จะมีการยกระดับกิจกรรมไปพร้อมกับการยกระดับการชุมนุมที่แยกอุรุพงษ์
ด้านนายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท.ปราศรัยเป็นคนถัดมา ระบุว่าวันนี้ผู้ชุมออกมาเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณ แก้ไขปัญหาของชาติ ฉะนั้นต้องสร้างขวัญกำลังใจตามที่วีรชนหรือบรรพบุรุษได้กระทำสืบมาในการในการออกศึกสงคราม วันนี้มันต้องศึกใหญ่ สู้กันใหญ่ ก็ต้องไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งนี้ นายอุทัยจะเดินทางวันที่ 23 ส.ค. เพื่อถวายสักการะพระปิยมหาราช ซึ่งตนจะไปด้วยเพราะทิ้งไม่ได้
วันที่ 24 ต.ค. ตนจะพาผู้ชุมนุมไปไหว้พระแก้วมรกตเพื่อขอพร จากนั้นจะไปไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง พระสยามเทวาธิราช ศาลเจ้าพ่อหอกลอง และศาลเจ้าพ่อเสือ แล้วกลับมาที่ชุมนุม วันที่ 25 ต.ค.จะไปเยาวราช ไปไหว้ที่วัดมังกรกมลาวาส หรือวัดเล่งเน่ยยี่ และวัดไตรมิตรวิทยาราม บอกตรงๆ ว่าไปขอศีลขอพร จะทำศึกก็ต้องมั่นใจ ก็ต้องไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านเมือง ซึ่งจะแจ้งกำหนดการที่จะไปอีกครั้ง ฝากบอกตำรวจว่าตนจะใช้วิธีเดินเท้าไป ฉะนั้นดูแลความปลอดภัยให้ตนด้วย ตนไม่ชุมนุมค้างคืนแน่นอน ตนแค่เดินผ่านไป ถ้าตำรวจไม่ดูแล ก็รบกวนผู้ว่าฯ กทม.ขอเทศกิจมาดูแล ซึ่งตนคิดว่าประชาชนต้องมีคนดูแล ตำรวจไม่เอาเราก็ต้องพึ่งเทศกิจ
ทั้งนี้ กิจกรรมในช่วงเวลานี้จะพบปะประชาชน ทักทาย ชักชวน อธิบาย ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเขาเห็นด้วยก็มา ถ้าเขามากันเยอะวันเสาร์เราก็ทำประชามติว่าจะเอายังไงกับรัฐบาลชุดนี้ เราต้องตัดสินใจร่วมกัน ส่วนช่วงนี้กระบวนการจาบจ้วงสถาบันมากมาย กระทรวงไอซีที ตำรวจไม่ทำงาน รัฐบาลก็เพิกเฉย ขอแรงใครที่มีทุน มีไอเดียและความคิด ทำสติกเกอร์ ป้ายผ้า ป้ายไวนีลแจกจ่าย ติดทุกชุมชนทั่วแผ่นดินว่าเรารักพระเจ้าอยู่หัว เอาธงชาติไทยไปติดว่าประเทศนี้เป็นของคนไทย ไม่ใช่ของตระกูลชินวัตรแน่นอน เอาให้ทันวันที่ 24 ต.ค.
นอกจากนี้ ตนคิดว่าตำรวจทุกวันนี้ส่วนใหญ่คนดีมีน้อยเหลือเกิน ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรักประชาชน ป้ายผ้า ไวนีล สติกเกอร์ หรือใครจะทำในโซเชียลมีเดียก็ได้ เรียกร้องให้ตำรวจมันมารักประชาชนหน่อย โดยใช้ข้อความสุภาพ ใครแค้นมากก็คำพูดแรงหน่อย เอาไปติดให้ทั่ว เรียกร้องตำรวจให้มันรักดูแลประชาชนหน่อย เลิกรับใช้นักการเมือง เลิกเป็นขี้ข้าเสียที ที่มีวันนี้ได้เพราะภาษีประชาชน พี่ไม่ได้ให้ เงินเดือนที่กินคือภาษีประชาชน ตนขอสองเรื่อง เอาให้เสร็จก่อนวันที่ 24 ต.ค. ใครเสร็จก่อนก็เอามาแจกไปทุกชุมชน ให้รู้ว่าประชาชนจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว ต้องการแผ่นดินที่มีคุณธรรม มีตำรวจที่ดี
สำหรับบรรยากาศในการชุมนุมวันนี้ค่อนข้างเบาบางกว่าเมื่อวานนี้ เนื่องจากเป็นวันทำงาน อีกทั้งบางคนสะดวกที่จะเข้าร่วมชุมนุมวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์มากกว่า ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมคนต่างต้องการรอคอยท่าทีของแกนนำ คปท.ต่อการเคลื่อนไหวในนามองค์กรภาคประชาชนซึ่งเป็นการรวมตัวกันของหลายองค์กร เพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณ ที่จะมีการประชุมกันในวันที่ 27 ต.ค.นี้เพื่อกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหว และวันนัดชุมนุมใหญ่ในช่วงที่การประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะมีการบรรจุร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อย่างไรก็ตาม นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มการเมืองสีเขียว หรือกลุ่มกรีน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าในวันนี้ (22 ต.ค.) จะเข้าพบ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ที่มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ ซอยพหลโยธิน 22 ในเวลา 14.00 น.
อีกด้านหนึ่ง นายจำรัส พานทอง หรือเฮียเปี๊ยก เจ้าของรถเครื่องเสียงที่ให้เช่าในการชุมนุมคปท. สี่แยกอุรุพงษ์ ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการออนไลน์ ถึงกรณีที่รถบรรทุก 6 ล้อติดตั้งเครื่องเสียงถูกคนร้ายเผา ขณะจอดอยู่ที่วัดกำแพง ซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ได้รับความเสียหายเมื่อคืนวันที่ 19 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้รับความเสียหายทั้งหมด คิดเป็นมูลค่ากว่า 3 แสนบาท ซึ่งได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางเสาธง จึงขอประกาศว่าใครที่พบเบาะแสคนร้ายและสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ ให้แจ้งมาที่ตนซึ่งจะมีรางวัลให้