xs
xsm
sm
md
lg

“ชวนนท์” จี้ “โต้ง” แจงตัวเลขขาดทุนจำนำข้าว-“เพื่อไทย” โต้กลับ ปชป.ก็โกงด้วย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ภาพจากแฟ้ม)
โฆษก ปชป.จี้รองนายกฯ-รมว.คลัง ชี้แจง หลังเด้ง “สุภา” จากประธานปิดบัญชีจำนำข้าว จวก “ปู” รังแกคนปกป้องผลประโยชน์ชาติ แนะปลัดคลังเปิดตัวเลขขาดทุน ด้านโฆษกเพื่อไทยฉุน “มาร์ค” ลอกข้อมูล ม.หอการค้า ชี้รัฐทุจริต ปัดโกง 2.35 แสนล้านบาท จวกยกเมฆตัวเลขไร้การตรวจสอบ สวน ปชป.ย้อนดูอดีตทุจริตไทยเข้มแข็ง

วันนี้ (21 ต.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง ขึ้นดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง และมีการเปลี่ยนประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวจากเดิมที่มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลังทำหน้าที่นั้นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สะท้อนเป้าประสงค์หลักของการเปลี่ยนตัวปลัดกระทรวงการคลัง เพราะคนที่อยู่ในกระทรวงการคลังต่างทราบดีว่ามีการเสนอตำแหน่งปลัดให้ข้าราชการระดับ 10 หลายคน แต่ไม่มีใครรับ เพราะมีเงื่อนไขที่เสนอว่า ใครจะมาเป็นปลัดต้องปลด น.ส.สุภา ออกจากประธานอนุกรรมการปิดบัญชีฯ ดังนั้นต้องถามกลับไปยังรัฐบาล และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่า น.ส.สุภา ทำหน้าที่บกพร่องอย่างไร ถึงต้องเปลี่ยนตัว เพราะตัวเลขขาดทุนในโครงการจำนำข้าวที่ น.ส.สุภา นำมาเปิดเผยฝ่ายการเมืองไม่สามารถหักล้างได้เลย และ น.ส.สุภา ถือเป็นผู้หญิงที่ออกมาปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ แต่ผู้หญิงอีกคนคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กลับเดินหน้าทำลายระบบค้าข้าว ทำลายเกษตรกร ทำลายโครงสร้างภาษี และฐานะทางการคลังของประเทศ

“ในการปฏิบัติหน้าที่วันสุดท้าย น.ส.สุภา ได้ให้ข้อมูลว่าในโครงการรับจำนำข้าว มีการขาดทุนเฉลี่ยปีละ 2 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาล โดยนายกิตติรัตน์ และนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต้องออกมาชี้แจงเรื่องนี้ด้วยตัวเลขและหลักฐาน มิฉะนั้นจะถูกตราหน้าไปตลอดชีวิตว่าสุมหัวกันโกงชาติ รังแกชาวนา และขอเรียกร้องให้นายรังสรรค์เปิดเผยข้อเท็จจริงว่าขณะนี้โครงการจำนำข้าวมีตัวเลขความเสียหายเท่าไหร่ เพราะเงินทุกบาทเป็นเงินภาษีของประชาชน ไม่ใช่ของพรรคการเมือง และความเสียหายกว่าครึ่งหนึ่งถูกนักการเมือง และพ่อค้าสมคบคิดกันทุจริต ดึงเงินออกนอกระบบ” นายชวนนท์ กล่าว

อีกด้านหนึ่งที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกรรคเพื่อไทย แถลงตอบโต้กรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดตัววาระประชาชนภาค 2 ระบุมีเงินรั่วไหลแต่ละโครงการของรัฐบาลสูง 30-40% ส่งผลให้สูญเงินจากการทุจริตคอร์รัปชันกว่า 2.35 แสนล้านบาท และกล่าวหาว่ารัฐบาลบริหารประเทศมา 2 ปี ทำให้เศรษฐกิจถดถอย โดยพรรคเพื่อไทยขอปฎิเสธว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวยังไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเกิดการรั่วไหลของเงินหรือไม่ เป็นเพียงการนำผลสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทย เดือนมิถุนายนปี 2556 ของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาลัยหอการค้าไทย มาโจมตีรัฐบาล

และยังกล่าวหาว่ารัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้แก่คนบางกลุ่มโดยเฉพาะเรื่องจำนำข้าว ที่ ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล ระบุว่ารัฐบาลขาดทุนถึง 425,000 ล้านบาท ทั้งที่รัฐบาลไม่ได้ขาดทุนถึงขนาดนั้น ซึ่งนายอภิสิทธิ์ กำลังใช้ตัวเลขมากล่าวหาและโจมตีรัฐบาล ทั้งโครงการเงินกู้สร้างระบบขนส่ง 2 ล้านล้านบาท และโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ว่ามีการโกงหัวคิวถึง 30% ซึ่งเป็นการค้านอย่างหน้าไม่อายและยังขึ้นป้ายว่ามีการทุจริตทั้งที่ลอกการบ้านของคนอื่นมาโดยเป็นข้อมูลที่จินตนาการยังไม่มีการตรวจสอบตัวเลขที่ถูกต้อง จึงถือว่าการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านสอบตก เพราะเรื่องดังกล่าวประชาชนไม่ได้ประโยชน์ ดังนั้นขอท้าให้นายอภิสิทธิ์ และพรรค ปชป.นำตัวเลขการทุจริตดังกล่าวยื่นฟ้องต่อองค์กรอิสระเพื่อดำเนินการกับรัฐบาลได้ หากมั่นใจในข้อมูลข้อเท็จจริง แต่มองว่าการแถลงของ ปชป.เป็นการยกเมฆข้อมูล ขณะเดียวกันกลับสะท้อนถึงความล้มเหลวในการตรวจสอบรัฐบาลของฝ่ายค้านที่ 2 ปีผ่านไปยังไม่สามารถนำตัวเลขมาเอาผิดรัฐบาลได้ แต่กลับไปอ้างอิงตัวเลขของมหาวิทยาลัยที่เป็นเพียงการคาดการณ์มาโจมตีเท่านั้น

ขณะเดียวกัน นายพร้อมพงศ์ ได้หยิบยกโครงการในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ที่มีการคอร์รัปชัน โดยขอให้ไปย้อนดูผลงานโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาล ปชป.ที่มีการทุจริตอย่างกว้างขวางจำนวน 230 โครงการ วงเงินอนุมัติ 199,960 ล้านบาท มีการประเมินว่า ในจำนวนนี้เป็นค่าหัวคิวถึง 20-25% หรือประมาณ 39,999-49,990 ล้านบาท โดยในโครงการเหล่านี้ทางพรรคเพื่อไทยไม่ได้ดูเพียงการประเมิน แต่ได้ตรวจสอบและยื่นให้กรมสอบสวนพิเศษตรวจสอบล้วพบว่าทุจริตรวมกว่า 14,948 ล้านบาท จาก 3 โครงการ คือ โครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 396 สถานี มูลค่า 5,848 ล้านบาท โครงการก่อสร้างแฟลตตำรวจ 163 แห่ง วงเงิน 3,800 ล้านบาท และโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษาตามโครงการไทยเข้มแข็งเอสพี 2 วงเงิน 5,300 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนว่าทางพรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบโครงการของ ปชป.อย่างเต็มที่ ซึ่งตนก็ได้รวบรวมหลักฐานส่งฟ้อง ป.ป.ช.และได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าวันนี้ ป.ป.ช.จะเร่งดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้ เพื่อนำผลมาให้ประชาชนที่ร้องเรียน เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นจนกระทั่งวันนี้ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะโรงพักทดแทนที่ยังไม่ได้สร้างมีเพียงแต่ตอเสาเท่านั้น จึงอยากให้ ปชป.ตามไปตรวจสอบตัวเลขด้วย ไม่ใช่เพียงยกข้อมูลการคาดการณ์มาแถลงโจมตี


กำลังโหลดความคิดเห็น