สตช.แจงขยายเวลา พ.ร.บ.รักษาความมั่นคง ห่วงม็อบเคลื่อนปิดทำเนียบ ขณะที่กองทัพเรือ กองทัพอากาศ พร้อมตำรวจ ร่วมช่วยกู้ซากเครื่องบินลาวตก ด้านกองทัพเรือเผย “นายกฯปู” มีคิวลงพื้นที่ชายแดนเขมรฝั่งตะวันออก เตรียมเปิดด่านถาวรบูมเศรษฐกิจชายแดน
พ.ต.อ.อนุชา รมยะนันท์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดถึงการขยายเวลา พ.ร.บ.รักษาความมั่นคง ในพื้นที่ กทม.ว่า เขตพื้นที่จะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้งว่า จะมีการเพิ่มเติมหรือยังคงเดิมพื้นที่ที่ได้มีการประกาศไว้ก่อนหน้านี้ โดยทางฝ่ายอำนวยการจะนำเสนอกับทางผู้บังคับบัญชาต่อไป แต่ข้อมูลเบื้องต้นข้อมูลทางด้านการข่าวพบว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมหลายฝ่าย โดยแต่ละฝ่ายมีบทบาทในการระดมกำลังพลได้ และมีการพูดบนเวทีว่าจะเคลื่อนย้ายไปบริเวณทำเนียบรัฐบาล แต่จากข้อกำหนดของศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) โดย พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงที่ประกาศใช้ที่ผ่านมาสามารถควบคุมป้องกันเหตุต่างๆ ได้อย่างดี แต่จากการเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนมเป็นที่ทราบดีว่า ยังคงปักหลักอยู่ในพื้นที่ และมีแนวโน้มว่าจะเคลื่อนย้ายไปที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการบริหารประเทศ ซึ่งทาง ศอ.รส.ได้นำเสนอไปให้กับที่ประชุมในวันนี้แล้ว ส่วนการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้ตามสถานการณ์ แต่ขณะนี้สถานการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจยังดูแลได้
น.อ.อนุวัต ดาผิวดี ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์กองทัพเรือ กล่าวถึงความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือค้นหาเครื่องบินโดยสารแบบเอทีอาร์ของสายการบินลาวแอร์ไลน์ที่ประสบอุบัติเหตุตกในลำน้ำโขง บริเวณเมืองปากเซ แขวงจำปาศักดิ์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่า ทางกองทัพเรือได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจำนวน 14 นาย ซึ่งประกอบด้วย ชุดปฏิบัติการพิเศษจากหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ หรือมนุษย์กบ จำนวน 9 นาย เดินทางถึงพื้นที่แล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสภาพอากาศค่อนข้างไม่ดี จึงทำได้เพียงสำรวจพื้นที่โดยรอบเท่านั้น ส่วนสถานการณ์ความคืบหน้าในช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่กองทัพไทย กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ได้มีการวางแผนเข้าไปสำรวจพื้นที่ร่วมกัน หลังจากนั้นจะมีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบกัน เพื่อให้การดำเนินการสามารถปฏิบัติได้ทันที โดย พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.)ได้ดำเนินการตามที่มีการร้องขอจากทางการลาวในเรื่องการค้นหาผู้ที่เสียชีวิต และสำรวจความเสียหายด้านอื่นๆ
ด้าน น.อ.มานพ มัสสุ รองผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์กองทัพอากาศ กล่าวว่า ทางกองอากาศได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ของกองทัพอากาศจำนวน 9 นาย เดินทางเข้าไปในพื้นที่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมยุทธการทหารอากาศ กรมการช่างทหารอากาศ และสำนักนิรภัยกองการบินทหารอากาศ ไปให้คำแนะนำและค้นหาซากเครื่องบิน เพราะจุดตกอยู่กลางลำน้ำ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถปฏิบัติการค้นหาตัวเครื่องบินได้ เนื่องจากแม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำที่มีขนาดใหญ่ มีกระแสน้ำไหลเชี่ยวมาก และมีน้ำขุ่น ทำให้การค้นหาค่อนข้างยาก เมื่อเครื่องบินตกไปแล้วก็จะถูกพัดไปตามกระแสน้ำ การเข้าไปสำรวจจึงเป็นไปได้ยาก เครื่องบินที่จมอยู่ใต้น้ำคาดว่าน่าจะติดโคลน และถูกดินทับถมจนทำให้ค้นหาได้ยาก อย่างไรก็ตามในส่วนของสาเหตุการตกนั้นเป็นเรื่องทางการลาวจะเป็นผู้แถลงรายละเอียด
ขณะที่ พ.ต.อ.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้รับการร้องขอจากทางการทูตอย่างเป็นทางการ เพื่อขอให้ส่งทีมพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลไปร่วมดำเนินการ โดยทาง สตช.ได้ส่ง พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษาสัญญาบัตร 10 เป็นหัวหน้าทีมออกเดินทางไปแล้วในขณะนี้ พร้อมกับส่งนักประดาน้ำ กองบินตำรวจ และตำรวจน้ำให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน
น.อ.อนุวัต ดาผิวดี ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์กิจการพลเรือน กองทัพเรือ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวกับพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนด้านตะวันออกที่ จ.ตราด ได้มีการพูดถึงการพัฒนาเรื่องการค้าขายบริเวณชายแดนมากขึ้น โดย กกล.จ.ชายแดนจันทบุรี-ตราด ก็จะร่วมประชุมด้วย ซึ่งอาจมีการพูดถึงการเปิดด่านชายแดนด้วย ทั้งนี้ในเบื้องต้นทราบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะเดินทางไปตรวจพื้นที่ และกองกำลังชายแดนด้วย