รมต.แดง “วิสาร เตชะธีราวัฒน์” รับลูกโฆษก พท.ตั้ง คกก.สอบ กทม.ส่งเครื่องปั่นไฟราชการอำนวยความสะดวกการชุมนุม คปท. เจอ “สมจิตต์” ถามเป็นการกดดันม็อบหรือไม่ กลับเล่นบทกวน อ้างไม่ตอบคำถามนักข่าวร่วมม็อบ พร้อมงัดรูปสื่อคนดังอุ้มหมาร่วมชุมนุมโชว์ เจอสวนกลับรัฐบาลสองมาตรฐาน แก๊งแดงก่อม็อบปิดแยกราชประสงค์ไม่จัดการ มท.3 แถคนละช่วงเวลา ก่อนงัดมุกการเมืองขอจับมือ ถูกตอก “เป็นการเบี่ยงประเด็นที่น่ารังเกียจ”
ที่ห้องโถงอาคารรัฐสภา วันนี้ (17 ต.ค.) นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รมช.มหาดไทย รับหนังสือร้องเรียนพร้อมภาพถ่ายและคลิปวิดีโอ จากนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี กทม.นำเครื่องปั่นไฟของราชการไปอำนวยความสะดวกการชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ซึ่งเห็นว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและอาจผิดต่อระเบียบราชการเพราะนำทรัพย์สินของทางราชการมาใช้ประโยชน์ โดยมิชอบ กระทรวงมหาดไทยรับปากว่าจะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน2สัปดาห์ โดยเตรียมเชิญ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.หรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงต่อไป
นายวิสารกล่าวว่า จากการที่ตนกำลังตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งมีผู้ชุมนุมอยู่ประมาณ 400 คน แต่กลับมีผู้ร้องเรียนเจ้าหน้าที่ตำรวจลงบันทึกประจำวันแล้วกว่า 20 ราย โดยการชุมนุมเปิดเผยในที่สาธารณะสามารถกระทำได้ แต่ต้องไม่กระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชน ขณะเดียวกัน กทม.ก็มีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แต่ก็ไม่ใช่สนับสนุนการชุมนุมจนเกินเลย ดังนั้น ถ้าใครกระทำผิดเกินเลยหน้าที่ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ซึ่งการลงโทษคงไม่ได้ถึงขั้นรุนแรงอยู่แล้ว อาจจะเป็นการตักเตือนก่อน หรือหาของทางราชการเสียหายก็ต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ตนเชื่อว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.อาจจะไม่ทราบเรื่องนี้ น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความเกี่ยวข้องของ ผอ.เขต หรือ ผอ.สำนักโยธาฯ มากกว่า ที่อาจจะเชียร์ม็อบแล้วไปสนับสนุน หรืออาจะเป็นการให้ความช่วยเหลือตามปกติ แต่ถ้าเกินความเป็นธรรมเรื่องนี้ก็ต้องตรวจสอบ แต่อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ตนไม่อยากให้นำมาเป็นประเด็นตอบโต้ทางการเมือง และยืนยันไม่มีการกลั่นแกล้งใครแต่เราก็ไม่ควรไปสนับสนุนม็อบให้กีดขวางการจราจร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการสัมภาษณ์ น.ส.สมจิตต์ เครือนวสุนทร ผู้สื่อข่าวช่อง 7 ได้พยายามสอบถามนายวิสารถึงท่าทีของรัฐบาลว่า กำลังกดดันผู้ว่าฯ กทม.เพื่อให้ไปจัดการกับม็อบใช่หรือไม่ ซึ่งนายวิสารปฏิเสธตอบคำถามของ น.ส.สมจิตต์ เนื่องจากเห็นว่าไปเข้าร่วมชุมนุมกับม็อบดังกล่าว พร้อมกับโชว์ภาพจากโทรศัพท์มือถือ และระบุว่า “มีผู้ส่งรูปถ่ายมาให้ผมหลายภาพ โดย 1 ใน 40 คนของผู้ร่วมชุมนุมก็มีคุณสมจิตต์อยู่คนเดียวที่เอาสุนัขไปเลี้ยง ไปอยู่ที่นั่นกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งผมไม่อยากขยายความ และคุณก็อยู่ในม็อบ ผมไม่อยากตอบคำถามคุณ และคุณสมจิตต์ทำหน้าที่เกินเลยความเป็นนักข่าว” และว่า นอกจากนี้ก็ยังมีเยาวชนอายุแค่ 16-17 ปี มาร่วมการชุมนุม และมีรูปถ่ายถูกมาจากการจัดตั้งทางการเมืองค่อนข้างชัดเจน รวมถึงมีชาวบ้านมาร้องเรียนถึงกระทรวงมหาดไทยว่าอยู่อาศัยไม่ได้ เนื่องจากม็อบส่งกลิ่นเหม็น ซึ่งตนก็เห็นว่าผู้ชุมนุมมีแค่ 40 คน แต่ต้องกางเต็นท์ ปิดถนน มีส้วมหน้าบ้าน จึงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และการรับเรื่องของนายพร้อมพงศ์ในวันนี้ ไม่ได้บอกว่าผู้ว่าฯ กทม.ถูกหรือผิด เพราะทุกอย่างต้องว่าไปตามหลักฐาน กระบวนการของกฎหมาย ตามหลักนิติรัฐนิติธรรมต้องมีความเสมอภาค ซึ่งต้องตรวจสอบว่าใครทำผิด ก็ต้องว่าไปตามระเบียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พฤติกรรมก้าวร้าวของนายวิสารครั้งนี้ทำให้เกิดการโต้เถียงสลับกันไปมา โดย น.ส.สมจิตต์ได้ตั้งคำถามยกเปรียบเทียบมาตรฐานของรัฐบาลที่ปล่อยให้ม็อบเสื้อแดงบริเวณราชประสงค์สามารถปิดถนนได้เช่นกันจนเกิดความเสียหายหลายหมื่นล้านบาท แล้วอย่างนี้รัฐบาลสองมาตรฐานหรือไม่ ในฐานะที่รัฐบาลมีหน้าที่ต้องดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับความเดือดร้อนก็ควรดูแลไม่ใช่หรือ การที่บอกว่านิติรัฐ นิติธรรม ต้องมีความเสมอภาค แล้วแบบนี้เสมอภาคหรือไม่ “ถ้าหนูเป็น 1 ใน 40 คนจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แค่อยากถามในเรื่องความเสมอภาคเท่านั้น”
นายวิสารได้พยายามหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถาม โดยใช้วิธีกล่าวหาผู้สื่อข่าวที่ถามว่าสร้างความขัดแย้ง พร้อมกับนำภาพผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวที่อยู่ในที่ชุมนุมมาแสดงต่อสื่อมวลชน จึงถูกย้อนถามจากผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวว่า ตนไปอยู่ในที่ชุมนุมไม่ได้หรือ นายวิสารกล่าวว่า ได้ เป็นสิทธิ แต่ยังคงพยายามที่จะดิสเครดิตด้วยการโชว์รูปภาพต่อ และพูดว่าช่วงเช้าตนก็เป็นประชาชนใส่กางเกงขาสั้น แต่ตอนนี้ใส่สูทเป็น รมช.มหาดไทยก็ทำหน้าที่ จึงถูกผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวสวนกลับว่า “กรณีของท่านก็ไม่แตกต่างจากกรณีของหนู เพราะขณะนี้หนูกำลังทำหน้าที่สื่อมวลชน ถามในเชิงตรวจสอบ ไม่ใช่ชวนทะเลาะ ขอความกรุณาอย่าเบี่ยงเบนประเด็น” ทำให้นายวิสารพยายามที่จะไม่ตอบคำถาม และพูดกับสื่อมวลชนคนอื่นว่ามีใครต้องการถามบ้างหรือไม่ แต่ไม่มีใครถาม ทำให้สื่อข่าวคนดังกล่าวยังคงถามต่อว่า กรณีการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ มีคำพิพากษาถึง 2 ครั้งว่าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย แต่กรณีที่อุรุพงษ์ยังไม่มีการตัดสินว่าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย เหตุใดการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่จึงแตกต่างกัน นายวิสารอ้างว่าม็อบราชประสงค์เป็นเรื่องเก่าที่ไม่สามารถนำมาเทียบเคียงได้ จะยึดแค่วันนี้ที่มีอำนาจ ทุกคนต้องอยู่ใต้กฎหมาย ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองเดินหน้าไม่ได้
ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ยืนอยู่ด้วยก็กล่าวตั้งคำถามกลับ น.ส.สมจิตต์ว่า “แล้วในฐานะที่เป็นสื่อ คุณสมจิตต์สนับสนุนให้ม็อบปิดถนนหรือไม่” ซึ่ง น.ส.สมจิตต์ปฏิเสธตอบคำถามเช่นเดียวกัน แต่ได้ย้อนถามกลับไปว่า “แล้วพวกท่านสนับสนุนให้เสื้อแดงปิดแยกราชประสงค์หรือไม่”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างนั้นนายวิสารได้โชว์รูป น.ส.สมจิตต์อุ้มสุนัขไปร่วมชุมนุมเป็นรอบที่ 2 จากนั้นนายวิสารพยายามไกล่เกลี่ยว่า ไม่อยากตอบโต้ น.ส.สมจิตต์อีก เพราะพูดไปก็เหมือนตอบโต้กับม็อบ และวันนี้สังคมก็ไม่ควรแตกแยก อย่างไรก็ดี นายวิสารก็ได้กล่าวตอนท้ายถึงการตรวจสอบกลุ่มผู้ชุมนุมที่พบว่ามีกลุ่มการเมืองบางส่วนเข้าร่วมจัดตั้ง ซึ่งเป็นกลุ่มจ้องล้มรัฐบาลอยู่ ซึ่งตรงนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลในการตรวจสอบรายละเอียด เช่น จากกกล้องวงจรปิด ส่วนตนก็มีหน้าที่ดูแล กทม.
ทั้งนี้ หลังการให้สัมภาษณ์ นายวิสารได้ขอจับมือสร้างความสามัคคีกับ น.ส.สมจิตต์ แต่ น.ส.สมจิตต์ดึงมือหนี พร้อมกับชักสีหน้าและพูดว่า “เป็นการเบี่ยงประเด็นที่น่ารังเกียจ” ทำให้นายวิสาร ที่เดินคล้อยหลังไปแล้ว และหันมาตอบว่า “ไม่ยอมให้จับไม่เป็นไร ผมไม่มีอะไรเลยนะ ความจริงอยากหอมแก้มด้วยซ้ำไป” ก่อนนายวิสารจะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ “ยังไงผมก็ยังรักคุณอยู่นะคุณสมจิตต์” พร้อมกับยกมือไหว้ ขณะเดียวกัน นายวิสารก็ได้กล่าวกับสื่อว่า “ผมพยายามแล้วนะ ทำเต็มที่ พวกคุณเห็นไหม” ก่อนที่การ์ดจะเข้ามากันผู้สื่อข่าวออก และนายวิสารเดินแหวกวงล้อมออกไป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากนั้นนายพร้อมพงศ์ได้ทวงคำตอบจาก น.ส.สมจิตต์ ที่ถามว่า “ในฐานะที่เป็นสื่อ คุณสมจิตต์สนับสนุนให้ม็อบปิดถนนหรือไม่” ซึ่ง น.ส.สมจิตต์กล่าวว่า “ไม่ใช่คำถามที่จำเป็นต้องตอบ และจะบอกด้วยว่าไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม คปท.จริง และไปทุกวันด้วย” ทำให้นายพร้อมพงศ์ตอบทันควันว่า “ก็ดีแล้ว ประชาชนจะได้รู้ว่าคุณสมจิตต์สนับสนุนม็อบปิดถนน” แล้วเดินหนี ก่อนที่ น.ส.สมจิตต์จะเดินตามและเรียกว่า “นี่ๆ คำพูดแบบนี้ดิฉันฟ้องท่านได้นะคะ” ขณะที่นายพร้อมพงศ์ก็สวนกลับมาทันทีว่า" “เชิญคุณสมจิตต์ฟ้องได้เลยตามสบาย”
ทั้งนี้ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ นั้นเคยนำกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมปิดถนนในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อปี 2553 จนถูกออกหมายจับ ต่อมาได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย โดยมี น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย บุตรสาว ได้ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัว