นายกฯ สั่ง สตช.-ศอ.รส.ประเมิน คปท.ดูภาพรวมอาทิตย์นี้ก่อนถกขยายพื้นที่ พ.ร.บ.มั่นคงฯ หรือไม่ โยนฝ่ายความมั่นคงแก้ปัญหาจราจร รับห่วงบานปลาย ท่องบทยินดีคุย เผยหลายพื้นที่น้ำท่วมคลี่คลาย ให้ปภ.เช็กความเสียหาย น้ำจากกบินทร์ฯ ไปหนักต่อที่ฉะเชิงเทรา พรุ่งนี้ลงเยี่ยม ย้ำลุยด้านฟื้นฟู ยันเยียวยาไม่เท่า 54 เกณฑ์พิเศษใช้บางพื้นที่
วันนี้ (14 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ชุมนุมของกลุ่ม คปท.ที่แยกอุรุพงษ์ว่า ขณะนี้ได้ให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และศอ.รส. ประเมินสถานการณ์ก่อน จากเมื่อวาน (13 ต.ค.) อาจเป็นวันที่พิเศษที่อาจจะรำลึกในเรื่องของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ต้องดูหลังจากนี้อีกที เมื่อถามว่าจะขยายพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องขอดูภาพรวมก่อน คงต้องดูสถานการณ์หลังจากอาทิตย์นี้ดีกว่า เพราะในทางปฏิบัติได้ให้เจ้าหน้าที่พยายามพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมในการปรับรูปแบบการชุมนุมไม่ให้กระทบกับความเดือนร้อนกับการสัญจรไปมา และจะพยายามอย่างเต็มที่ในขั้นตอนของการเจรจาให้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดเส้นทางการจราจร 14 เส้นทาง เบื้องต้นจะดูแลอย่างไร เพราะการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้นยังใช้ระยะเวลาอีกหลายวัน นายกฯ กล่าวว่า อย่างที่เรียนขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน เราไม่อยากให้ทุกคนเดือดร้อนอยู่แล้ว แต่ความเดือดร้อนนี้เราเห็นความจำเป็น ซึ่งห่วงความปลอดภัยการดูแลประชาชน คงจะขอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงประเมิน โดยเราจะพยายามทำอย่างดีและละมุนละม่อมที่สุด
เมื่อถามว่า แกนนำ คปท.ยืนยันแล้วว่าจะไม่มีการเคลื่อนย้ายสถานที่ชุมนุมจากอุรุพงษ์ไปที่อื่น รัฐบาลจะประกาศขยายพื้นที่ควบคุมออกไปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าการชุมนุมไม่กีดขวางการจราจร และอยู่ภายใต้ข้อกฎหมายที่คงจะพึงกระทำได้ คงต้องว่าเป็นเฉพาะจุดไป เมื่อถามอีกว่า เวลานี้มีหลายกลุ่มที่จะเข้ามาร่วมชุมนุมห่วงหรือไม่ว่าจะบานปลาย นายกฯ กล่าวว่า ห่วงอยู่แล้ว เพราะไม่อยากให้เหตุการณ์ทั้งหมดก่อให้เกิดความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น อยากจะขอร้องอะไรที่พูดคุยกันได้เรายินดีอยู่แล้ว
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อถึงมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหลังสถานการณ์น้ำเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติว่า ได้สั่งการไปแล้ว ซึ่งทราบตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่าหลายพื้นที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย และเข้าสู่ขั้นตอนของการเยียวยา โดยให้ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยร่วมกับทางจังหวัดทำการสำรวจพื้นที่ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งทรัพย์สินไร่นาต่างๆ ผู้สื่อข่าวถามว่าได้รับรายงานภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ฝั่งตะวันออกอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ช่วงนี้สถานการณ์น้ำคลี่คลายลง ที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี น้ำเคลื่อนย้ายไปตามเส้นทางและจะไปหนักที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา โดยพรุ่งนี้ (15 ต.ค.) ตนมีจะมีโอกาสลงพื้นที่ไปให้กำลังใจประชาชน รวมถึงดูการเตรียมพร้อมของจังหวัด ในการปรับเข้าสู่โหมดเยียวยาว่าจะทำอย่างไร ขณะเดียวกันต้องทำงานซ้อนเรื่องการฟื้นฟู เพราะอาจจะมีถนนหรือสิ่งต่างๆเสียหายคงต้องมีหน่วยหนึ่งเข้ามาบูรณาการ โดยกระทรวงคมนาคม ท้องถิ่น กลาโหม จะบูรณาการเข้าไปซ่อมแซม บูรณะต่างๆ ให้เส้นทางกลับมาสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ส่วนหลักเกณฑ์เยียวยาคงไม่สามารถใช้ทั้งหมดเหมือนปี 2554 เพราะครั้งนั้นเป็นเกณฑ์พิเศษจริงๆ ส่วนครั้งนี้จะใช้เกณฑ์ปกติ เรื่องการดูแลชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งทรัพย์สินได้มีการอนุมัติกรอบวงเงินโดยรวมดีกว่าปี 2554 มีการดูแลไร่นาที่เสียหาย
เมื่อถามว่า มีรายงานว่าจะมีเกณฑ์พิเศษในการช่วยเหลือเพิ่มเติม นายกฯกล่าวว่า คงต้องขอเกณฑ์ปกติก่อน สำหรับเกณฑ์พิเศษต้องดูเฉพาะพื้นที่ที่มีปัญหาจริงๆ และต้องสำรวจเบื้องต้นก่อน พื้นที่ไหนมีปัญหาหนักค่อยมาดูรายละเอียดเป็นกรณีไป เมื่อถามว่ากรอบเยียวยาจะสามารถจ่ายได้เมื่อไหร่ นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ในการสำรวจ ยืนยันว่า 1-2 เดือนเราจะเร่งทำ แต่บางพื้นที่ที่บ้านเรือนเสียหายต้องรอน้ำลดแล้วสำรวจ แต่ถ้าเป็นไร่นาที่รู้ว่าเสียหายไม่จำเป็นต้องสำรวจ จะเห็นด้วยตา ตรงนี้สามารถเร่งการทำงานของกรมบัญชีกลางให้เร็วขึ้น