“ประชา” เมินคุยม็อบโค่นแม้ว โบ้ยหน้าที่ ศอ.รส.เจรจา

รอง ผบช.น.โร่คุย “ปรีชา” ขอม็อบเปิดพื้นที่จราจร วอนกลับสู่สวนลุมฯ อ้างภาพลักษณ์ต้อนรับนายกฯ จีน แกนนำยัน ไม่ไป จี้รองนายกฯ มารับปากให้กลับสู่พื้นที่หลังผู้นำมังกรกลับ 40 ส.ว.ร่วมสังเกตุการณ์ “ชัย” เผยส่ง “เสธ.นิด” ยื่นทูตจีน ตำรวจมาอีกรอบ ขอ 5 ตัวแทนคุย “ประชา” ก่อนสั่งกำลังพลประชิดใกล้ ป.ป.ช. แล้วอ้างติดธุระไม่มาเจรจา เจ้าตัวลั่นไม่คุย บอกต้องไปสภา โบ้ยหน้าที่ ศอ.รส.“สุภรณ์” ย้ำใช้ทำเนียบต้อนรับแขก

วันนี้ (10 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.30 น.พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบ.ช.น. เดินทางเข้าเจรจากับ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ เสนาธิการร่วมกลุ่มกองทัพประขาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ภายหลังมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่งคง บริเวณประตู 3 ถนนพิษณุโลก ทำเนียบรัฐบาล โดยขอให้เคลื่อนย้ายกลุ่มผู้ชุมนุมกลับไปปักหลักอยู่ที่สวนลุมพินี เพื่อเปิดพื้นที่การจราจรเนื่องจากนายกรัฐมนตรีประเทศจีนจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 ต.ค.นี้

โดย พล.ต.ต.อดุลย์ ระบุว่า ในวันนี้ได้มาขอร้องกับทางกลุ่มผู้ชุมนุมอีกครั้งให้ กลับไปปักหลักชุมนุมที่บริเวณสวนลุมพินี รวมถึงทางรัฐบาลได้ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง จึงขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ในช่วงที่นายกรัฐมนตรีประเทศจีนมาเยือนรัฐบาลไทย เพื่อเป็นภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการเตรียมรถรับส่งผู้ชุมนุมไปยังสวนลุมพินีเพื่ออำนวยความสะดวกแล้ว

ด้าน พล.อ.ปรีชา ยืนยันไม่ออกจากพื้นที่ชุมนุมโดยเด็ดขาด เพราะประชาชนทุกคนมาชุมนุมด้วยความสุจริตใจ และต้องการปกป้องชาติตามสิทธิรัฐธรรมนูญ และการชุมนุมครั้งนี้ก็เกิดจากการบริหารงานของรัฐบาลที่ล้มเหลว ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ออกมาเจรจาและรับปากว่าจะอนุญาตให้ผู้ชุมนุมกลับมาชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลได้อีกครั้งภายหลังจากเสร็จสิ้นพิธีการต้อนรับนายกรัฐมนตรีจีน กลุ่ม กปท.จึงจะย้ายออกจากพื้นที่ทันที และระหว่างที่รอการพิจารณาจากผู้บังคับบัญชาจะต้องอนุญาตให้ผู้ชุมนุมที่อยู่นอกพื้นที่เข้ามาในพื้นที่ได้ รวมทั้งต้องอนุญาตให้นำอาหาร น้ำและสิ่งของต่างๆ ที่จำเป็นเข้ามาในพื้นที่ได้

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.อดุลย์ ระบุว่า จะนำผลการเจรจานำเรียนผู้บังคับบัญชา เพื่อรอฟังคำสั่งว่าจะมีการตัดสินใจอย่างไร แล้วจึงจะกลับมาเจรจากับผู้ชุมนุมอีกครั้งหนึ่ง

โดยบรรยากาศขณะที่มีการเจรจา ทางกลุ่มผู้ชุมนุมมีการส่งเสียงไม่พอใจตลอดในช่วงการเจรจา โดยมี นายประสาร มฤคพิทักษ์, นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา นายสาย กังกะเวทิน ส.ว.ระนอง และนายสุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี เดินทางเข้ามาร่วมสังเกตการณ์การเจรจาระหว่างฝ่ายรัฐบาลและผุ้ชุมนุมและให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย

ซึ่ง นายประสาร กล่าวว่า การที่รัฐบาลออก พ.ร.บ.ความมั่นคง เท่ากับว่าประเทศไม่มีความมั่นคงและตนก็ไม่เข้าใจว่าผู้ชุมนุมมีจำนวนร้อยคน เหตุใดจึงต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงหมื่น ขณะที่ นายสาย กล่าวว่า ตนไม่อยากให้มีการสลายการชุมนุมเช่นเดียวกับที่เคยสลายการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามอีก

ด้าน พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ เสนาธิการร่วม กปท.กล่าวว่า ขณะนี้ พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี เสนาธิการร่วม กปท.จะนำยื่นหนังสือซึ่งได้มีการรวบรวมรายชื่อกลุ่ม กปท.ยังสถานทูตจีน เพื่อชี้แจงว่าการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ไม่ได้มีสาเหตุจากการชุมนุมของกปท.และได้ระบุว่าคณะของนายกรัฐมนตรีจีนไม่ควรเดินทางมายังประเทศไทยในขณะนี้ เนื่องจากมีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งหมายความขณะนี้ประเทศไม่มีความมั่นคง

จากนั้นเวลา 11.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมกปท.เป็นรอบที่สอง เพื่อให้ส่งตัวแทนมาเจรจากับ พล.ต.อ.ประชา ตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญแกนนำจำนวน 5 คน ประกอบด้วย พล.อ.ปรีชา, พล.ร.อ.ชัย, เรือตรีแซมดิน เลิศบุตร, นายทศพล แก้วทิมา และ นพ.ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล เป็นตัวแทนในการเจรจา ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ประตู 4 ภายในทำเนียบรัฐบาล

ขณะที่ภายนอกทำเนียบรัฐบาลนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจมีคำสั่งเคลื่อนกำลังพลจากแยกสวนมิสกวันประชิดเข้ามาบริเวณหน้าสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รอการเจรจากว่า 30 นาที พล.ต.ต.อดุลย์ ได้แจ้งตัวแทนผู้ชุมนุมทั้ง 5 คนว่า พล.ต.อ.ประชา ติดภารกิจจะต้องเดินทางไปตอบกระทู้ที่อาคารรัฐสภา เนื่องจากต้องทำหน้าที่แทนนายกรัฐบมนตรีที่ติดภารกิจต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้ตนเจรจา และนำรายละเอียดผลการประชุมต่างๆ แจ้ง พล.ต.อ.ประชา รับทราบและตัดสินใจอีกครั้ง ยืนยันว่า พล.ต.อ.ประชา ไม่ต้องการหลีกเลี่ยงการเจรจาแต่อย่างใด

ทางด้าน พล.ต.อ.ประชา เปิดเผยว่า การเจรจากับกลุ่ม กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ที่ชุมนุมบริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ได้มอบหมายให้ ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เป็นผู้ดำเนินการ ตนจะไม่เป็นผู้เจรจา เนื่องจากตนติดภารกิจด่วน ต้องเดินทางไปรัฐสภา เพื่อตอบกระทู้ถามสดแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม

ด้าน นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.ต.ต.ประชา ไม่ได้รับปากว่าจะไปเจรจากับทางกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแต่ต้น และการเจรจาเป็นภารกิจของ ศอ.รส.วันนี้การเมืองเข้าไปก้าวก่ายไม่ได้แล้ว เพราะได้มอบภารกิจไปแล้ว พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ซึ่งเป็น ผอ.ศอ.รส. ต้องตัดสินใจว่าจะมอบให้ใครเป็นผู้เจรจา ซึ่งผู้ที่จะไปเจรจากับผู้ชุมนุมคือ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ศอ.รส. และ พล.ต.ต. อดุลย์ เป็นผู้เจรจา ส่วนวันนี้จะสามารถตกลงกันได้หรือไม่นั้น ต้องยึดการเจรจาเป็นหลัก หลังจากเจรจาแล้วก็ต้องมาประเมินว่า การเจรจาจะได้ผลหรือไม่อย่างไร จากนั้นก็เป็นอำนาจการตัดสินใจของ พล.ต.อ.อดุลย์ ว่าจะดำเนินการอย่างไร

เมื่อถามว่า ถึงอย่างไรในวันที่ 11 ต.ค.ต้องต้อนรับ นายกฯ จีน ที่ทำเนียบรัฐบาลใช้หรือไม่ รองเลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า ต้องต้อนรับ เพราะเป็นภารกิจของรัฐบาล และไม่ได้มีการคิดว่าจะเปลี่ยนสถานที่แต่อย่างใด และขณะนี้ก็ยังไม่มีการแจ้งเปลี่ยนกำหนดการดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งนี้เรื่องดังกล่าว นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้รายงานสถานการณ์ต่อนายกฯ ตลอดเวลา อยู่แล้ว และ นายกฯ ยังคงเดินทางกลับไทยตามกำหนดการเดิม

ล่าสุด ที่ห้องรับรองรับเรื่องราวร้องทุกข์ประชาชน ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ต.อดุลย์ เปิดเผยว่า เนื่องจากพล.ต.อ.ประชา ติดภาระกิจต้องไปตอบกระทู้ที่สภา ถึงเรื่องโครงการรับจำนำข้าว และโครงการแจกแท็ปเล็ต ให้กับเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยเร่งด่วน ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี จึงได้มอบหมายให้ตนเองเป็นผู้เจรจาแทน และเมื่อได้ข้อสรุปก็จะนำไปรายงานต่อผู้บังคับบัญชา และพล.ต.อ.ประชา ได้รับทราบต่อไป ทั้งนี้ยืนยันว่า พล.ต.อ.ประชา ไม่ได้ปฏิเสธที่จะไม่เข้าร่วมการเจรจาในครั้งนี้

โดยพล.ร.อ.ชัย เปิดเผยได้มีการเลื่อนการเจรจาออกไปอีกครั้ง ซึ่งยังยืนยันที่จะขอเจรจากับพล.ต.อ.ประชา โดยตรง โดยยินดีที่จะรอการประสานงานจากพล.ต.ต.อดุลย์ รวมถึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกเรื่องอาหาร และจัดสรรพื้นที่ในการสาธารณูปโภคให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างเร่งด่วน เพราะขณะนี้ประชาชนได้อดน้ำ อดอาหาร ตั้งแต่ช่วงเช้า เกรงว่าจะทำให้เกิดแรงกดดันกับกลุ่มผู้ชุมนุม จนส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมได้ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเรื่องไปดำเนินการทันที

อย่างไรก็ตาม หลังการแถลงข่าวแกนนำผู้ชุมนุม ได้เดินทางกลับไปยังสถานที่ชุมนุม ข้างทำเนียบรัฐบาลโดยทันที